กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 691

กู้ชูหน่วนนิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกหนักอึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ

เสมือนว่านางจะเข้าใจในบางสิ่ง

"ดังนั้น......ข้าเป็นหุ่นเชิดมากมายเช่นนั้นดังเช่นหัวหน้าเผ่าน้ำแข็ง หัวหน้านิกายเทพอสูร คุณหนูสามแห่งจวนเสนาบดี หออันดับหนึ่งในใต้หล้าในสถานะอื่นๆเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็ถูกแทนที่ด้วยเงากันทั้งสิ้น? "

“ก็ประมาณนั้นแต่ว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมาท่านได้กำจัดเงาออกไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นในตอนนี้เงาในเผ่าหยกสักเงาก็ไม่มีเสียแล้ว”

อี้เฉินเฟยหยุดครู่หนึ่งจากนั้นก็กล่าวต่อว่า "มีเพียงธิดาศักดิ์สิทธิ์หรือหัวหน้าเผ่าเท่านั้นถึงจะสามารถหลอมรวมไข่มุกมังกรได้และธิดาศักดิ์สิทธิ์จะถูกถ่ายทอดต่อตามลำพังมาแทบทุกรุ่น ไม่ว่าพวกนางจะทำสิ่งใดก็เสียชีวิตไม่ได้ เมื่อตายแล้วคำสาปเลือดก็ไม่สามารถปลดได้โดยปริยาย”

“แต่เงาปีศาจอันชั่วร้ายต้องการกำจัดธิดาศักดิ์สิทธิ์ให้สิ้นซาก เพื่อให้เผ่าหยกไม่สามารถคลายคำสาปโลหิตได้ตลอดกาล”

“เยี่ยจิ่งหานเป็นผู้ที่ถือกำเนิดจากเงากับผู้ใด?”

“ไม่รู้ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเงาให้กำเนิดเยี่ยจิ่งหานกับผู้ใด รู้เพียงว่าท่านพ่อของเยี่ยจิ่งหานไม่มีทางเป็นจักรพรรดิเยี่ย ในปีนั้นไปเผ่าหยกสงสัยว่าเยี่ยจิ่งหานถือกำเนิดมาจากจักรพรรดิเยี่ยกับเงา เผ่าหยกจึงได้ส่งผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหลายไปตรวจสอบด้วยตนเอง รวมถึงการหยดโลหิตทดสอบเพื่อระบุความสัมพันธ์และอื่นๆ......ผลลัพธ์นั้นไม่ใช่......"

"หยดโลหิตระบุความสัมพันธ์ไม่แน่ว่าจะแม่นยำ"

“ใช่สิ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ......ครั้งหนึ่งจักรพรรดิเยี่ยได้รับบาดเจ็บและสูญเสียพระโลหิตมากเกินไปจึงจำเป็นต้องถ่ายพระโลหิตเพื่อช่วยเหลือ ในเวลานั้นใช้โลหิตของเยี่ยจิ่งหานจับคู่กลับเข้ากันไม่ได้ เช่นนั้นเผ่าหยกจึงได้มั่นใจแน่วแน่ว่าเยี่ยจิ่งหานไม่ใช่โอรสขององค์จักรพรรดิเยี่ย"

กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว

ถ่ายโลหิต?

จับคู่?

ในสมัยโบราณมีเทคนิคที่ทันสมัยเช่นนี้ด้วยหรือ?

อี้เฉินเฟยยิ้มอย่างอบอุ่น “ภายนอกไม่มีวิชาแพทย์เช่นนี้อยู่แล้ว วิชาแพทย์นี้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของเผ่าหยก ซึ่งไม่ได้ใช้อย่างง่ายดายนัก”

"จริงหรือ......"

เช่นนั้นเผ่าหยกก็เคยมีผู้ที่ทะลุมิติด้วย

“พระสนมอวี้ถูกสังหารในระหว่างการไล่ล่าสังหารและการวางแผนอย่างต่อเนื่องของเงาที่ร่วมมือกับเผ่าเพลิงฟ้า ส่วนองค์จักรพรรดิเยี่ย......เนื่องด้วยเงาทั้งรักทั้งชังในขณะที่เป็นตัวแทนของพระสนมอวี้ก็ได้วางยาพิษที่ค่อยๆออกฤทธิ์ ต่อมาพระวรกายก็ทรุดโทรมลงและสิ้นพระชนม์ด้วยยาพิษ”

“แล้วเยี่ยจิ่งหานหล่ะ? คำสาปโลหิตของเขาถูกเงายับยั้งเอาไว้หรือ?”

“ไม่ใช่ หลังจากที่เงาให้กำเนิดเยี่ยจิ่งหานก็ทิ้งเขาไป พระสนมอวี้ทรงทนไม่ได้จึงได้ทรงเก็บเขามาเลี้ยงดูราวกับเป็นลูกชายของพระองค์เอง พระองค์ทรงกลัวว่าเยี่ยจิ่งหานจะถูกคำสาปโลดิตทรมานและกลัวว่าเขาจะสิ้นใจเร็วจึงได้วางยาพิษเขาเพื่อยับยั้งคำสาปโลหิตเอาไว้"

“เรื่องนี้แม้แต่เงาก็ไม่รู้เนื่องจากท่านกับเยี่ยจิ่งหานเกิดวันเดียวกันทุกคนจึงคิดว่าพวกท่านเป็นพี่น้องแท้ๆกัน พระสนมอวี้และจักรพรรดิเยี่ยเพื่อทรงปกป้องท่านจึงคิดวนไปเวียนมาจนได้วิธีการที่ไร้ซึ่งหนทางและท้ายที่สุดก็ได้แยกท่านกับเยี่ยจิ่งหานออกจากกันและในที่สุดก็ส่งท่านไปยังจวนเสนาบดีก็เพื่อหลีกเลี่ยงการไล่ล่าสังหารจากเผ่าเพลิงฟ้า

“เช่นนั้นแล้วเงาหล่ะ?”

“ไม่รู้ น่าจะถูกพระสนมอวี้สังหารไปแล้ว ก่อนที่พระสนมอวี้จะสิ้นใจต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับเงาอยู่ครั้งหนึ่ง การต่อสู้ในครั้งนั้นท้ายที่สุดเป็นเช่นไรก็ไม่มีผู้ใดรู้ได้ รู้เพียงว่าเงาได้หายไปอย่างสมบูรณ์ในท้ายที่สุดและตอนนี้ก็ไม่มีผู้ใดได้ข่าวคราวของนางมานานหลายปีแล้ว”

อี้เฉินเฟยกล่าวโดยทั่วไปนักแต่กู้ชูหน่วนก็ได้ฟังคร่าวๆแล้ว

แม้ว่านางกับเยี่ยจิ่งหานจะไม่ใช่พี่น้องแท้ๆกัน แต่กลับเป็นศัตรูคู่แค้นที่สังหารท่านพ่อท่านแม่ต่อกัน

อี้เฉินเฟยลูบศีรษะอย่างอ่อนโยน นางเงยหน้าขึ้นและได้เห็นรอยยิ้มอันอบอุ่นของอี้เฉินเฟย

“อาหน่วน ท่านพี่เฉินเฟยอยากจะบอกเจ้าคำหนึ่งว่าท่านแม่ของเยี่ยจิ่งหานกับเยี่ยจิ่งหานเป็นคนละคนกัน ผู้ที่สังหารท่านพ่อท่านแม่ของท่านก็ไม่ใช้เยี่ยจิ่งหาน นั่นเป็นความโกรธแค้นชิงชังของบรรพบุรุษ เจ้าไม่จำเป็นต้องเพื่อความโกรธแค้นของบรรพบุรุษแล้วโทษเยี่ยจิ่งหานหรือว่าจงใจอยู่ห่างจากเขา ท่านพี่เฉินเฟยมองออกว่าเยี่ยจิ่งหานชอบพอเจ้าจริงๆและเขาก็เป็นบุรุษผู้ที่คู่ควรต่อความไว้วางใจ ท่านพี่เฉินเฟยหวังว่าพวกเจ้าจะมีความสุข "

กู้ชูหน่วนหัวเราะออกมา

“ข้านั้นสงสัยว่าท่านเป็นคนของเผ่าหยกหรือไม่ เผ่าหยกไม่ได้เกลียดชังเยี่ยจิ่งหานเสียจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเกลียดชังหรอกหรือ?”

“เมื่อเทียบกับเผ่าหยกบางทีข้าอาจจะใส่ใจเจ้ามากกว่า”

ประโยคสั้นๆประโยคหนึ่งทำให้รอยยิ้มของกู้ชูหน่วนชะงัก นางพลิกมือกลับกุมมืออันเย็นชาเล็กน้อยของอี้เฉินเฟยและพิงศีรษะลงบนไหล่ของเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์