“พอดีมีเวลาว่าง ไม่มีอะไรทำ ข้าเลยทำเพิ่มอีกหน่อย ถึงอย่างไรท่านก็ชอบกินมิใช่หรือ”
เขากลัวว่าต่อไปจะไม่มีโอกาสทำขนมเปี๊ยะดอกไม้ให้นางอีก
ขนมเปี๊ยะดอกไม้เหล่านี้เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำให้นางได้
น่าเสียดาย...ที่ขนมเปี๊ยะดอกไม้เก็บไว้ได้ไม่นาน ไม่อย่างนั้นเขาก็อยากจะทำให้มากกว่านี้ ให้นางเหลือไว้กินอีกนานๆ
“ท่านพี่เฉินเฟยนี่โง่จริงๆ ถ้าข้าอยากกินข้าก็แค่ไปหาท่าน ตอนนี้ในวงแหวนอวกาศของข้ามีของกองเต็มไปหมด แทบจะใส่อะไรลงไปไม่ได้แล้ว”
“รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ นี่ วงแหวนอวกาศนี้ข้ามอบให้ท่าน ใหญ่กว่าแหวนวงเดิมเกือบเท่าตัว”
อี้เฉินเฟยหยิบวงแหวนอวกาศสีแดงออกมาจากแขนเสื้ออย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงสวมให้นางด้วยตัวเอง
กู้ชูหน่วนชะงักไปนิดหนึ่ง
วงแหวนอวกาศเป็นของหายาก เหตุใดเขาจึงมีมากมายขนาดนี้
นอกจากนี้พื้นที่เก็บของยังใหญ่กว่าเดิมอีกด้วย...
“ดูเหมือนท่านจะมีสมบัติติดตัวมากมาย ยังมีสมบัติอะไรอีก เอาออกมาให้หมดเลยนะ” กู้ชูหน่วนหัวเราะหึหึพลางทำท่าค้นหารอบๆ ตัวเขา
อี้เฉินเฟยไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “คนโง่ ข้ามีสมบัติล้ำค่าอะไรแล้วซ่อนให้พ้นตาท่านได้บ้าง”
วงแหวนอวกาศวงนี้เป็นของที่เขาได้มาจากผู้อาวุโสสูงสุด เป็นวงแหวนอวกาศที่ใหญ่ที่สุดในเผ่าหยกและอาจเรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดในใต้หล้าเลยด้วยซ้ำ
เขาต้องทุ่มเทวรยุทธมากมายเพื่อให้ได้วงแหวนอวกาศวงนี้มา
แต่อี้เฉินเฟยบอกเรื่องนี้กับกู้ชูหน่วนไม่ได้
กู้ชูหน่วนรู้ได้ทันทีว่านี่คือสมบัติล้ำค่า และอี้เฉินเฟยก็มอบให้นางด้วยตัวเองโดยที่นางไม่ต้องเอ่ยปากขอ
แค่เห็นว่าสภาพร่างกายของอี้เฉินเฟยดีขึ้นมาและรู้ว่าตัวเองไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของเยี่ยจิ่งหาน เพียงเท่านี้นางก็พอใจแล้ว ดังนั้นนางจึงเริ่มก่อกวนอี้เฉินเฟย
มือของนางลูบคลำอี้เฉินเฟยอย่างอยู่ไม่สุข ค้นหาไปทั่วตัวของเขาอย่างไม่เกรงใจ ปากก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า
“ข้าไม่เชื่อท่านหรอก ในเมื่อไม่มี ท่านจะกลัวข้าค้นตัวทำไม ท่านอย่าซ่อนเลยน่า ท่านพี่เฉิน...”
อึก!
ทันใดนั้นอี้เฉินเฟยที่กำลังดีๆ อยู่ก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก
กู้ชูหน่วนสะดุ้ง สองมือแข็งค้างอยู่กลางอากาศ
นาง...
ไม่ได้ออกแรงเลยนะ
เหตุใดจึงกระอักเลือด
“ท่านพี่เฉินเฟย ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้ข้ากลัวสิ...”
อี้เฉินเฟยรู้สึกหนาวไปทั้งตัวและกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง เลือดนั้นย้อมอาภรณ์ของกู้ชูหน่วนและอาภรณ์สีขาวราวกับหิมะของเขาจนเป็นสีแดง
ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงก่ำ ร่างกายสั่นสะท้านราวกับกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างรุนแรง
กู้ชูหน่วนรู้สึกได้ว่าเขาเริ่มมีอารมณ์ฉุนเฉียว อุณหภูมิในร่างกายเพิ่มขึ้นเหมือนมีไฟปะทุ
ฟู่ว...
กู้ชูหน่วนสูดลมหายใจเข้า
คำสาปโลหิต...
สำแดงฤทธิ์...
วันนี้ไม่ใช่วันที่สิบห้า คำสาปโลหิตจะสำแดงฤทธิ์ได้อย่างไร
ขณะที่กำลังลังเลอยู่นั้นเอง จอมมารก็รีบวิ่งเข้ามาหา
“แย่แล้วพี่หญิง เกิดเรื่องใหญ่แล้ว คำสาปโลหิตของทุกคนในเผ่าหยกสำแดงฤทธิ์ มีทั้งคนตาย คนเจ็บ ที่บ้าคลั่งก็บ้าคลั่ง...”
ตูม!
ท่าทางของเขาแสดงให้เห็นชัดว่าเขารู้อยู่แล้วว่าอี้เฉินเฟยจะต้องเป็นเช่นนี้
เมื่อรวมกับความผิดปกติของจอมมารในช่วงสองวันมานี้ ไม่ว่ากู้ชูหน่วนจะโง่แค่ไหนนางก็ต้องรู้ว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
กู้ชูหน่วนไม่ใช่คนที่จะร้องไห้ออกมาง่ายๆ แต่เวลานี้น้ำตาของนางร่วงหล่นมาเป็นสาย นางกอดอี้เฉินเฟยแน่นและเอ่ยปนสะอื้น “ไม่ ท่านสัญญากับข้าแล้ว ท่านสัญญาแล้วว่าจะอยู่กับข้าตลอดไป ท่านจะโกหกข้าได้อย่างไร ลุกขึ้นมานะ รีบลุกขึ้นมา”
ตึบ
มีหยดน้ำตาแวววาวอยู่ที่ขอบตาของอี้เฉินเฟย เขาอยากเช็ดน้ำตาให้กู้ชูหน่วนแต่กลับไม่มีแรงแม้แต่จะยกมือขึ้นมา เพราะคำสาปโลหิตของเขาสำแดงฤทธิ์ ตอนนี้เขาจึงรู้สึกทรมานเหมือนตายทั้งเป็น
ถ้าไม่ใช่เพราะพยายามควบคุมไว้อย่างสุดความสามารถ เกรงว่าเขาคงจะขาดสติไปนานแล้ว
“ย่ะ...อย่าร้อง...ท่านเป็นเช่นนี้ พี่เฉินเฟยจะทุกข์ใจ...”
“เช่นนั้นก็ฟื้นขึ้นมา ถ้าท่านตายข้าจะทำอย่างไร ข้าจะทำอย่างไร...อาม่อ เจ้าเป็นจอมมาร พลังของเจ้าแข็งแกร่ง เจ้ารีบช่วยเขาหน่อยซี่”
กู้ชูหน่วนแทบจะคุกเข่าลง น้ำตาไหลหยดลงมาทีละหยดราวกับไข่มุกที่กำลังร่วงหล่น
จอมมารใช้สองมือประคองกู้ชูหน่วนและไม่เห็นว่านางได้รับบาดเจ็บตรงไหน
ตอนนี้ผู้หญิงที่เขารักที่สุดแทบจะคุกเข่าลงกับพื้นและวิงวอนอย่างเจ็บปวด จอมมารมองเห็นความสิ้นหวังในดวงตาคู่นั้นได้อย่างชัดเจน เป็นแบบนี้เขาจะไม่ทุกข์ใจได้อย่างไร
“พี่หญิง อาม่อก็อยากช่วยเขา แต่อาการ...อาการบาดเจ็บของเขาร้ายแรงเกินไป มันเกินต้านลิขิตสวรรค์ ข้า...ข้าช่วยอะไรเขาไม่ได้”
“เหลวไหล เจ้าเพิ่งทำให้เขาหายดีมิใช่รึ ข้ารู้ว่าที่เขาฟื้นร่างกายได้เช่นนี้ไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสสูงสุดรักษาเขา แต่เป็นเพราะเจ้า ถูกต้องหรือไม่”
“วิชาคืนชีพบุปผาผลิบานนั่นมัน... มันรักษาอี้เฉินเฟยไม่ได้ มีแต่จะทำให้เขาตายเร็วขึ้น”
“วะ...ว่าไงนะ...”
“สิ่งที่เรียกว่าวิชาคืนชีพบุปผาผลิบานคือการดึงพลังปราณแท้ที่เหลืออยู่ทั้งหมดออกมา รวบรวมไว้ในจุดเดียวและช่วยให้เขาฟื้นตัวได้ชั่วคราว แต่หลังจากเวลาผ่านไป แม้แต่เซียนสูงสุดก็ยังมิอาจช่วยชีวิตเขาได้”
กู้ชูหน่วนทรุดตัวลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง
อี้เฉินเฟยไอเบาๆ สองสามครั้งและเอ่ยอย่างอ่อนแรงว่า “อย่า...อย่าตำหนิเขา เป็นข้าที่ขอร้องเขา...เดิมที...ก็ไม่มีวิธีรักษาอยู่แล้ว การฟื้นตัวในระยะเวลาสั้นๆ ได้ชมจันทร์และพูดความในใจต่อกัน พี่เฉินเฟยพอ...พอใจแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ อ่านถึง 1174 แล้วรอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...
ไม่อัพจบเหรอคะ...
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...