กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 770

สรุปบท บทที่ 770: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

อ่านสรุป บทที่ 770 จาก กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ โดย อี้หมิง

บทที่ บทที่ 770 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย อี้หมิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ผู้อาวุโสหกยังคงตะโกนด่าสาปแช่งโวยวาย

วิทยายุทธของเขานั้นสูงส่งเก่งกาจมาก องครักษ์ธรรมดาหรือเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ แม้แต่องครักษ์ลับก็ไม่คู่ควร

จวนหานอ๋องเริ่มการใช้งานค่ายกล เพื่อหลอกล่อให้เขาต้องตายลงในค่ายกลแห่งนี้

เสียงของเขาแหบแห้งอย่างมาก

ซูมู่มองออกไปข้างนอก "ไม่เช่นนั้น ข้าไปจัดการเขาแทนท่าน"

เยี่ยจิ่งหานไม่พูดอะไร

แต่ก็เป็นการยอมรับเช่นกัน

ซูมู่โยนผลไม้ในมือลงและถอนหายใจ "รู้อยู่แล้วว่าจวนหานอ๋องของท่านไม่มีอะไรดี ข้าเองที่โชคร้ายที่มีเพื่อนอย่างท่าน"

"ก็แค่เผ่าหยก ข้าก็ไม่ชอบพวกเขาอยู่แล้ว เช่นนั้นก็ใช้โอกาสนี้จัดการพวกเขาแทนท่านได้ก็ดีไปเลย"

"ไล่เขาไปก็ได้แล้ว อย่าทำอะไรมากเกินไปเลย"

"เห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อนอย่างนั้นหรือ"

เยี่ยจิ่งหานจ้องมองไปที่เขาอย่างโกรธเคือง

ซูมู่หดคอลงเล็กน้อยและกล่าวอย่างหวาดกลัว แต่แววตาและท่าทางของเขากลับไม่เป็นเช่นนั้น

"ก็ได้ๆ คิดเสียว่าข้าพูดผิด แต่เป็นเห็นน้องสาวดีกว่าเพื่อนได้เหรือไม่"

คำว่าน้องสาวที่พูดออกมา

ทันใดนั้นบรรยากาศก็เยือกเย็นลง

ซูมู่สะบัดความเยือกเย็นในร่างกายออกและเปลี่ยนคำพูดอีกครั้ง

"ข้าพูดผิดอีกแล้ว ช่างเถอะ ข้าไปจัดการตาเฒ่านั่นดีกว่า"

หลังจากที่ซูมู่เดินออกไป ภายในห้องก็เงียบสงัดลง

เยี่ยจิ่งหานมองไปยังเรือนอุสุมและยังคงรู้สึกเป็นกังวล

เขาอยากจะเรียกผู้อาวุโสหกเข้ามาเพื่อถามเหตุผลให้ละเอียดชัดเจน

แต่ก็กลัวว่าร่างกายที่ทรุดโทรมของเขานั้นจะถูกกู้ชูหน่วนรับรู้เข้าและจะทำให้นางเป็นห่วง

จู่ๆ เสียงที่ดังเอะอะโวยวายข้างนอกนั้นก็เงียบสงบลง และไม่รู้ว่าผู้อาวุโสหกและซูมู่พูดคุยอะไรกันบ้าง

เยี่ยจิ่งหานตั้งใจฟัง แต่เป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่สาหัสเหลือเกิน จึงทำให้การได้ยินรับรู้ของเขานั้นลดลงและฟังไม่ได้ยินอะไร

"เจี้ยงเสวี่ย พวกเขากำลังพูดอะไรกันหรือ?"

"นายท่านขอรับ คุณชายซูมู่บอกให้ผู้อาวุโสหกกลับไป แต่ผู้อาวุโสหกยืนยันจะพบท่านให้ได้ และด่าทอท่านตลอดเวลาขอรับ"

"คุณชายซู่มู่โมโหอย่างมาก จึง......จึงพูดไปว่าท่านตายแล้วขอรับ"

"ผู้อาวุโสหกไม่เชื่อ บอกว่าหากตายแล้วจะขอเห็นศพ แต่หากยังมีชีวิตอยู่จะต้องพบท่านให้ได้ขอรับ"

"คุณชายซูมู่ยังบอกอีกว่า เผ่าหยกไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะได้เห็นศพของท่าน หากต้องการเห็นศพของท่าน เช่นนั้นก็ให้พระชายาเป็นคนมาดูด้วยตาขอรับ"

เยี่ยจิ่งหาน "......"

เจี้ยงเสวี่ยก้มหน้าและกล่าวต่อ "ผู้อาวุโสหกกล่าวว่าพระชายาต้องควักหัวใจของตัวเองออกมาเพื่อทำพิธีสังเวยบูชา เพื่อจะได้ทำการหลอมรวมไข่มุกมังกรสำหรับกำจัดคำสาปโลหิตขอรับ"

ทันใดนั้นเยี่ยจิ่งหานก็เงยหน้าขึ้นมา

"เจ้าว่าอะไรนะ ควักหัวใจและเลือดของตัวเอง?"

"ใช่ขอรับ ผู้อาวุโสหกกล่าวว่า ไข่มุกมังกรไม่สามารถหลอมรวมได้เพราะยังขาดยาที่สำคัญที่สุดอีกชนิดหนึ่ง และยานั้นก็คือหัวใจและเลือดของพระชายาทั้งหมด มีเพียงแค่พระชายาเท่านั้นที่สามารถสังเวยชีวิตเพื่อพิธีบูชายันนี้ คำสาปโลหิตถึงจะถูกกำจัดลงได้"

"แอ่ม......อัก......"

"นายท่าน เหตุใดท่านถึงยังกระอักเลือดออกมาอีก หมอ รีบไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้"

"รีบพาข้าไปเผ่าหยกเดี๋ยวนี้ ห้ามเสียเวลาแม้แต่นาทีเดียวเด็ดขาด เร็วเข้า......"

"นายท่าน ไม่ทันแล้วขอรับ ผู้อาวุโสหกกล่าวว่า เวลาเที่ยงวันพวกเขาก็เริ่มทำพิธีแล้ว ตอนนี้ได้เลยเวลาเที่ยงวันไปแล้ว อีกอย่างกว่าจะเดินทางไปถึงเผ่าหยก ยังต้องใช้เวลาอีกยาวนาน ต่อให้เราบินไปตอนนี้ ก็......ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้"

เยี่ยจิ่งหานหกล้ม

เดิมทีเขาก็บาดเจ็บสาหัสมากอยู่แล้ว

ยิ่งมีเรื่องมากระทบจิตใจเช่นนี้ จึงทำให้อาการบาดเจ็บของเขายิ่งสาหัสมากขึ้น

เขาหมดสติไป

แต่เขาก็เห็นเยี่ยจิ่งหานเป็นเหมือนพี่น้องแท้ๆ

เมื่อเห็นเยี่ยจิ่งหานต้องเจ็บปวดและเศร้าโศกทุกข์ทรมานร่างกายของเขาอยู่ทุกวันเช่นนี้ ใครๆ ก็รู้ว่าเขาเจ็บปวดมากเพียงใด

"เยี่ยจิ่งหานและอาหน่วนไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆ ที่อาหน่วนต้องพูดตัดขาดเยื่อใยไปเช่นนั้น เป็นเพราะนางต้องสังเวยชีวิต นางมีเวลาเหลืออยู่อีกไม่นานเท่านั้น จึงทำให้นางต้องพูดเพื่อให้เยี่ยจิ่งหานโกรธและจากไป นางสละชีวิตสังเวยตัวเองเพื่อเผ่าหยก แต่ความคาดหวังที่สำคัญที่สุดก็เพื่อเยี่ยจิ่งหานเอง"

เมื่อผู้อาวุโสหกพูดจบ เขาก็ตกตะลึงและเอามือปิดปากตัวเอง

เหตุใดเมื่อตื่นเต้นก็พูดเรื่องทั้งหมดออกมาเช่นนี้?

เยี่ยจิ่งหานสั่นสะท้านและร่างกายของเขาก็หดลง

คำพูดนั้น เยี่ยจิ่งหานและอาหน่วนไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆ ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขาอย่างต่อเนื่อง

เขาและอาหน่วนไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆ

เป็นไปได้อย่างไร?

หลักฐานทั้งหมดก็อยู่ตรงหน้าของเขาแล้วไม่ใช่หรือ?

ซูมู่ก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน

"เมื่อสักครู่เจ้าพูดอะไรนะ?"

ผู้อาวุโสหกพูดตะกุกตะกักและหลบเลี่ยงสายตาของเขา

"เมื่อสักครู่ข้าพูดอะไรไป? ข้าไม่ได้พูดอะไรออกไปเสียหน่อย เที่ยงวันก็ผ่านไปนานแล้ว ต่อให้ได้เจอเยี่ยจิ่งหานก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เช่นนั้นข้ากลับไปเผ่าหยกล่ะ"

หากโชคดี อาจจะยังได้เห็นอาหน่วนเป็นครั้งสุดท้าย และลดความบาดหมางที่เกิดขึ้นที่นี่อีกด้วย

เยี่ยจิ่งหานจะยอมปล่อยเขาไปได้อย่างไร เมื่อเงาของเขาขยับทันใดนั้นเขาก็มาอยู่ตรงหน้าของผู้อาวุโสหก จากนั้นจึงกล่าวว่า "อธิบายเรื่องเมื่อสักครู่ออกมาให้ละเอียด ข้าต้องการรู้ความจริงของเรื่องทั้งหมด"

ผู้อาวุโสหกกระทืบเท้าและกัดฟันกรอด "ช่างเถอะ บอกเจ้าก็ได้ เจ้าและอาหน่วนไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆ กัน และพวกเจ้าก็ไม่ได้เกิดโดยพ่อและแม่คนเดียวกัน แม่ของเจ้าคือฮวาอิ่ง ส่วนพ่อนั้นไม่ทราบ แต่ไม่ใช่จักรพรรดิเยี่ยอย่างแน่นอน"

"ฮวาอิ่งคือใครกัน?" เยี่ยจิ่งหานรับรู้ได้ว่าร่างกายของเขากำลังสั่นสะท้าน

หัวใจที่สิ้นหวังได้ก่อเกิดความหวังครั้งใหม่ขึ้นอีกครั้ง

"ฮวาอิ่งก็คือเงาของอดีตหัวหน้าเผ่า ไปกันเถอะ ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังระหว่างทาง เรากลับไปที่เผ่าหยกกันก่อนเถอะ ไม่เช่นนั้นจะไม่ทันกาลเอาจริงๆ"

"ส่งคนมาที่นี่ เตรียมม้าและเตรียมตัวออกเดินทางเดี๋ยวนี้"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์