กู้ชูหน่วนจัดการบาดแผลของตัวเองจนเสร็จเรียบร้อย
เมื่อมองดูบาดแผลรอยแส้ที่สลับซ้อนกันและรอยแผลจากความร้อน และรวมไปถึงบาดแผลนับไม่ถ้วนจากรอยมีดดาบ ในหัวของนางก็มีคำพูดหนึ่งแวบเข้ามา
นั่นก็คือ ในอดีตนั้นนางถูกทารุณกรรมอย่างหนัก
เมื่อนึกถึงอดีตที่มีคนมักทำร้ายทารุณนาง จากนั้นดวงตาของกู้ชูหน่วนก็ฉายแววเย็นชาราวกับใบมีด
เมื่อสวมเสื้อคลุม กู้ชูหน่วนก็เดินออกจากห้อง
ไกลออกไป ได้ยินเสียงสนทนาระหว่างปู่หลินและหลินซือหย่วน
"อาหย่วน รีบใช้โอกาสที่คนของตระกูลไป๋หลี่ยังไม่มา เจ้าพาแม่นางคนนั้นหลบหนีไปเถอะ"
"เดิมทีบ้านของเราก็ยากจนอยู่แล้ว อีกทั้งหญ้าน้ำค้างแข็งสีม่วงก็หายากมาก ปีที่แล้วเรายังพอจ่ายเงินเพื่อซื้อหญ้าน้ำค้างแข็งสีม่วงได้บ้าง แต่ตอนนี้......นับเป็นปีแห่งภัยธรรมชาติและโรคระบาดตั๊กแตน จึงทำให้ในหมู่บ้านไม่มีผลผลิตเลยสักนิด และเพื่อช่วยแม่นางคนนั้นจ่ายค่ารักษาอาการเจ็บป่วย เราก็ได้ใช้เงินเก็บไปทั้งหมดแล้ว แถมยังติดหนี้คนอื่นอีกจำนวนมาก"
"ไม่ว่าอย่างไรปีนี้เราก็ไม่สามารถส่งมอบหญ้าน้ำค้างแข็งสีม่วงได้ คนของตระกูลไป๋หลี่ล้วนต่างก็โหดร้ายและบ้าระห่ำ หากไม่หนีไปละก็ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ปล่อยเอาไว้แน่"
"ไม่ ท่านปู่ หากต้องหนีไป เช่นนั้นก็ต้องหนีไปพร้อมกัน"
"บ้านเราจำเป็นต้องเหลือคนไว้คนหนึ่งเพื่อยื้อพวกเขาไว้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะต้องไล่ตามทันอย่างแน่นอน ปู่อายุมากแล้ว ถึงตายไปก็ไม่เสียดายหรอก แต่พวกเจ้าอายุยังน้อย จะตายไปเช่นนี้ไม่ได้"
"ข้าไม่สน หากต้องไปก็ไปด้วยกัน ท่านปู่ก็รู้ว่ากิจการของตระกูลไป๋หลี่นั้นกว้างขวางและยิ่งใหญ่มาก แถมยังมีอำนาจกว้างขวาง หากพวกเราหนีไปละก็ พวกเขาจะต้องไล่ล่าอย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้นงั้นเราก็หนีกันไปทั้งสามคนเลยสิ"
กู้ชูหน่วนไม่เข้าใจเกี่ยวกับความแค้นความคับข้องใจระหว่างพวกเขาและตระกูลไป๋หลี่ แต่จากคำพูดของพวกเขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าพวกเขาเจอเรื่องเดือดร้อนเข้า อีกทั้งยังเป็นเรื่องใหญ่อีกด้วย
"เจ้าเด็กคนนี้ เหตุใดถึงไม่เชื่อฟังกันเลยนะ"
หลินซือหย่วนอายุยังน้อย แต่เขากลับเป็นคนดื้อรั้น เขายืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน ท่าทางราวกับว่าหากปู่หลินไม่หนีไปไหน เช่นนั้นเขาก็จะไม่มีทางหนีไปไหนแน่นอน
ปู่หลินลำบากใจและทำได้เพียงกระทืบเท้าตกลงที่จะหนีไปพร้อมกัน ถึงอย่างไรเสีย พวกเขาก็ทำเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บแม่นางคนนั้นและได้เสียเวลาไปแล้วหลายวัน หากยังชักช้าอยู่เช่นนี้ต่อไป ก็เกรงว่าจะไม่ทันกาลเอาเสีย
คนในหมู่บ้านตระกูลหลินได้หนีออกไปจากหมู่บ้านแล้วไม่น้อยเมื่อหลายวันก่อน เพื่อหลบหนีไปยังพื้นที่ต่างๆ
ในขณะที่ปู่และหลานของตระกูลหลินกำลังจะเตรียมตัวไปจัดสัมภาระ ดวงตาที่เฉียบคมของกู้ชูหน่วนก็มองไปที่นอกหมู่บ้านทันที
ไม่นานเสียงกีบม้าก็ดังขึ้นพร้อมกับรัศมีการสังหารและเสียงตะโกนด้วยความโกรธ
"คนชั่วช้าของตระกูลหลินโผล่หัวออกมาทั้งหมด นำหญ้าน้ำค้างแข็งสีม่วงออกมาเรือนละสิบต้น หากใครไม่มีมอบให้ละก็ พวกเขาจะเป็นจุดจบของพวกเจ้า"
"ปัง......"
คนขี่หลังม้าได้ขว้างศีรษะมนุษย์หลายสิบหัวไว้กลางหมู่บ้านด้วยท่าทางที่ดูเกรี้ยวกราดและโหดเหี้ยม
เมื่อได้ยินเสียงของไป๋หลี่สยง สีหน้าของคนในหมู่บ้านตระกูลหลินก็เปลี่ยนไปและร่างกายก็สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการออกไป แต่ก็จำเป็นต้องออกไป ไม่เช่นนั้นหากถูกตรวจค้นว่าแอบซ่อนอยู่ภายในบ้านละก็ เช่นนั้นต้องถูกฆ่าตายเท่านั้น หลายปีมานี้ คนในหมู่บ้านตระกูลหลินของพวกเขาต้องตายในเงื้อมมือของตระกูลไป๋หลี่อย่างโหดร้ายจำนวนมาก
ปู่หลินโกรธจนทำอะไรไม่ถูกและแทบขาดสติ
"ทำอย่างไรดี คนของตระกูลไป๋หลี่มาแล้ว หมู่บ้านก็ถูกปิดล้อมเอาไว้แล้ว เกรงว่าเราคงหนีไม่ได้เสียแล้ว"
"ไอ้หมาจรจัดเหล่านั้น หากไม่สามารถหลบหนีไปได้ เช่นนั้นก็ต่อสู้กับพวกเขาซึ่งหน้าไปเลย"
กู้ชูหน่วนเดินออกมาช้าๆ และกล่าวว่า "พวกเขาเป็นใครหรือ? มาทำอะไร?"
หลินซือหย่วนต้องการทำให้กู้ชูหน่วนไม่ต้องกลัว หากเกิดอะไรขึ้นจะมีเขาอยู่ข้างกาย
แต่กู้ชูหน่วนกลับทำสีหน้าเรียบเฉยไม่รู้สึกเกรงกลัวอะไร เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความโหดร้าย แต่สีหน้าของนางกลับไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิด
แต่ปู่และหลานทั้งสองกลับกลัวจนร่างกายสั่นสะท้าน
หลินซือหย่วนกัดฟันและกล่าวว่า "รัฐปิงนั้นมีชนเผ่าใหญ่ๆ อยู่ด้วยกันสี่เผ่า แบ่งออกเป็นตระกูลเหวิน ตระกูลซั่งกวน ตระกูลไป๋หลี่และตระกูลหนิง หมู่บ้านตระกูลหลินของพวกข้านั้นจัดว่าอยู่ในความดูแลของตระกูลไป๋หลี่ เขาเรียกร้องให้พวกข้าแต่ละครัวเรือนต้องส่งมอบหญ้าน้ำค้างแข็งสีม่วงสามต้นให้กับเขาทุกเดือน แต่ช่วงหลายปีมานี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ภายในหนึ่งเดือนกลับให้พวกข้าส่งมอบหญ้าน้ำค้างแข็งถึงสิบต้น"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...
เมื่อไหร่จะอัพต่อค่ะ...