"ใช่แล้ว ข้าเจอดวงวิญญาณดวงที่สี่แล้ว และยังขาดอีกสามดวง เช่นนั้นเจ้าก็สามารถชุบชีวิตคนรักของเจ้าให้มีชีวิตกลับคืนมาได้อีกครั้ง ดีใจหรือไม่?"
เยี่ยจิ่งหานรู้สึกดีใจและมีความสุขอย่างมาก ทำให้เขาหายใจเร็วขึ้นมาก และความไร้เหตุผลของกู้ชูหน่วนเมื่อสักครู่ก็ได้มลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง แววตาที่เต็มไปด้วยความสุขและความดีใจจับจ้องไปที่หน้าผากของนางโดยไม่ละสายตา ราวกับว่าเขากำลังจดจ่อตั้งตารอวันนั้นที่กำลังจะมาถึง
"มีเบาะแสของดวงวิญญาณที่เหลืออีกสามดวงหรือไม่?" เยี่ยจิ่งหานซักถามเป็นกังวล
"ไม่มี ได้เจอดวงเดียวก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว และภายในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ จะไปหาเจอได้อย่างไรอีกสามดวงที่เหลือ"
"เพียงแค่เจ้าสามารถรับรู้ได้ถึงพลังของดวงวิญญาณ เช่นนั้นก็สามารถหาเจอได้อย่างรวดเร็ว เจ้าหาดวงวิญญาณดวงที่สี่เจอได้อย่างไร?"
"ที่บ้านของตระกูลไป๋หลี่"
ตระกูลไป๋หลี่?
เขาอาศัยอยู่ในตระกูลไป๋หลี่อยู่นานเช่นนั้น แต่กลับไม่รู้สึกว่ามีดวงวิญญาณของอาหน่วนอยู่ในบ้านของตระกูลไป๋หลี่เลยสักนิด
"อยู่ภายในเขตหวงห้ามของตระกูลไป๋หลี่ แน่นอนว่าเจ้าไม่มีทางหาเจออย่างแน่นอน หากไม่ใช่เป็นเพราะข้าไปได้ทันเวลา เกรงว่าดวงวิญญาณของคนรักของเจ้าคงถูกสกัดไปนานแล้ว และกลายเป็นเพียงแท่นหินรองเท้าเพื่อให้คนอื่นเหยียบย่ำไปแล้ว"
"อะไรนะ......"
แววตาที่มีความสุขของเยี่ยจิ่งหานเยือกเย็นลงทันที และดูเหมือนเต็มไปด้วยรัศมีอาฆาตสังหาร
"มีคนมากมายบนโลกใบนี้ที่รู้วิชาชั่วร้าย ไม่ได้มีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้นที่รู้วิชามหาเวทย์ดูดพลัง ตระกูลไป๋หลี่ก็รู้ อีกอย่างวิธีการของพวกเขาก็ชั่วร้ายและรุนแรงกว่าข้ามาก ถึงขั้นสามารถกำจัดมนุษย์ทั้งโลกได้"
"หากตระกูลไป๋หลี่คิดแตะต้องอาหน่วนละก็ พวกเขาต้องเตรียมพร้อมสำหรับการที่จะถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์"
กู้ชูหน่วนนอนลงบนเก้าอี้นวมยาวและหัวเราะออกมา "เจ้าไม่มีโอกาสนั้นแล้ว ตระกูลไป๋หลี่ได้ถูกกำจัดทำลายไปทั้งตระกูลแล้ว"
"เจ้าเป็นคนลงมืออย่างนั้นหรือ?"
เยี่ยจิ่งหานหันไปมองกู้ชูหน่วน ราวกับกำลังสร้างความแน่ใจ
"ทำไมหรือ ไม่เชื่ออย่างนั้นหรือ?"
"หากเป็นคนอื่นข้าอาจจะไม่เชื่อ แต่บนหน้าผากของเจ้ามีดวงวิญญาณของอาหน่วนของข้าอยู่ ทำให้ข้าเชื่อใจได้ว่าเรื่องที่อาหน่วนคิดอยากจะทำแล้วนั้น ไม่มีทางที่จะทำไม่สำเร็จ"
เมื่อพูดถึงอาหน่วน ใบหน้าของเยี่ยจิ่งหานก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
กู้ชูหน่วนกลอกตาขาวใส่อย่างไม่สบอารมณ์
"อาหน่วนที่ไหนกัน คนที่ทำลายตระกูลไป๋หลี่คือข้าต่างหาก ไม่ใช่นาง นางเป็นเพียงแค่ดวงวิญญาณไม่สมประกอบก็เท่านั้น"
"นั่นเป็นเพราะนางแอบช่วยเจ้า หากไม่มีนาง เจ้าก็เป็นได้เพียงสิ่งไร้ประโยชน์ในดินแดนวิญญาณเยือกแข็งแห่งนั้นเท่านั้น"
"เยี่ยจิ่งหาน ข้ารู้สึกว่าเจ้าช่างไร้จิตสำนึกเสียเหลือเกิน เจ้าไม่คิดหน่อยหรือว่าใครเป็นคนช่วยดึงเจ้ากลับขึ้นมาจากนรก"
"ทักษะด้านการแพทย์ของเจ้า ก็ได้มาจากอาหน่วนของข้า"
กู้ชูหน่วนทำอะไรไม่ถูก "ทักษะการแพทย์ของข้าได้มาจากอาหน่วนของเจ้าตั้งแต่เมื่อไรกัน"
เยี่ยจิ่งหานเย้ยหยันอย่างเย็นชา "ตอนที่ดวงวิญญาณของอาหน่วนของข้ายังไม่เข้าไปอยู่ในร่างกายของเจ้า เจ้ารู้ทักษะด้านการรักษาอย่างนั้นหรือ? เจ้ารู้ทักษะการต่อสู้อย่างนั้นหรือ? เจ้าจะกลายเป็นเจ้าของสัตว์ร้ายที่มีสมญานามว่าผู้ควบคุมอสุรกายนับหมื่นอย่างนั้นหรือ?"
"ฮึ......ทั้งหมดที่ข้ามีล้วนเป็นเพราะนางมอบให้ข้าอย่างนั้นหรือ?"
"แน่นอนอยู่แล้ว"
"ในเมื่อนางเก่งกาจเช่นนั้น เหตุใดนางถึงคนอื่นทำร้ายอย่างนั้นหรือ?"
ท่าทีที่ดูภาคภูมิใจของเยี่ยจิ่งหานเลือนหายไปทันที และจ้องมองนางด้วยสายตาที่เยือกเย็น จากนั้นกล่าวออกไปอย่างดุดัน "บนโลกใบนี้ใครจะสามารถทำร้ายนางได้ และใครหรือที่จะฆ่านางได้ เป็นเพราะนางสังเวยชีวิตของตัวเองต่างหากล่ะ"
"เหตุใดนางถึงสังเวยชีวิตตัวเองอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นก็แสดงว่านางไม่ได้เพียบพร้อมเก่งกาจไปเสียทุกอย่าง หากนางเก่งกาจเพียบพร้อมจริง เหตุใดนางถึงต้องสละชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยชีวิตทุกคนในเผ่าอวี้ด้วยล่ะ"
เยี่ยจิ่งหานตะโกนออกไป "มู่หน่วน"
"ก็ได้ๆ ข้าไม่พูดอะไรถึงนางก็ได้ พอใจหรือไม่ หากเจ้ายังใช้สายตาที่เหมือนกับจะฆ่าข้าเช่นนี้อีก ระวังข้าจะถูกเจ้าฆ่าตายโดยไม่รู้ตัว หากเป็นเช่นนั้นเจ้าไม่มีทางหาดวงวิญญาณที่เหลือทั้งสามดวงเจออย่างแน่นอน"
"หาเจออย่างแน่นอน"
"ฝันไปเถอะ คำนี้เหมือนที่เสี่ยวหูเตี๋ยได้เคยพูดไว้ แต่พวกเจ้าหาเจอแล้วอย่างนั้นหรือ? แม้แต่ดวงเดียวก็หาไม่เจอล่ะสิ"
"เจ้าทำลายล้างตระกูลไป๋หลี่ เป็นไปไม่ได้ที่เหวินเส่าอี๋จะไม่รู้ เรื่องที่เจ้าได้ครอบครองดวงวิญญาณของอาหน่วน คาดว่าเขาก็คงรู้แล้วเช่นกัน เขาไม่ได้แย่งชิงดวงวิญญาณที่อยู่หน้าผากของเจ้าไป หรือเป็นเพราะเขาก็สั่งให้เจ้ารวบรวมดวงวิญญาณของอาหน่วนให้ครบอย่างนั้นหรือ?"
"ใช่แล้ว แต่ข้าไม่มีทางให้เขาเด็ดขาด ดวงวิญญาณที่ข้ารวบรวมได้ทั้งหมด ข้าจะมอบให้เจ้าแต่เพียงผู้เดียว เพราะอย่างไรเสียข้าก็ได้ตอบตกลงเจ้าเอาไว้แล้ว ต่อให้ต้องแลกมาด้วยชีวิตของข้า เช่นนั้นข้าก็จะช่วยเจ้าได้ครอบครองดวงวิญญาณให้ได้"
คำพูดนี้ได้ผลเป็นอย่างมาก
ทว่าเยี่ยจิ่งหานยังคงพ่นลมถอนหายใจอย่างเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
ไม่อัพจบเหรอคะ...
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...