ฉันขับรถตัวน้อยๆ ของตัวเองไปยังบริษัท ขับรถไปทำงานคนเดียวมีความสุขจะตาย ถ้าจะให้ฉันอยู่กับสีชิงชวนระหว่างไปบริษัทครึ่งชั่วโมง มันไม่สู้ฆ่าฉันให้ตายยังดีกว่าเลย
เพราะอยู่กับเขาแล้วรู้สึกมีแรงกดดันสูง อึดอัดไปหมด
ฉันขับรถออกจากบ้านตระกูลสีแล้วขับลงไปยังตีนเขา เฉียวอี้ก็โทรศัพท์มาหาฉัน บอกว่าโปรเจกต์เกาะที่จะทำมีปัญหา เธอพูดเสียงเดือดดาล “เธอชอบพูดว่าเซียวซือเป็นคนดี ดีแม่งสิ เธอเป็นคนได้โปรเจกต์นี้มา แต่ยัยนั่นกลับแจ้งประชุม ทำเหมือนกับตัวเองเป็นประธานอย่างงั้น”
“ทำเพื่อเซียวซื่อกรุ๊ปกันทั้งนั้น อย่าถือสาเลย”
“เซียวเซิง เธอต้องรู้จักปกป้องสิทธิ์และเสียงของตัวเองบ้าง อย่าเอาแต่โง่สิ”
“พอแล้ว อีกยี่สิบนาทีฉันก็จะไปถึงแล้ว เจอกันแล้วค่อยคุยกัน” ฉันพึ่งวางสายตัวบอกปริมาณน้ำมันบนรถก็กะพริบ
ไม่มีน้ำมันแล้วเหรอ? ไม่ใช่มั้ง ช่วงนี้ฉันไม่ได้ขับรถออกจากบ้านเลยนะ วันศุกร์ที่แล้วฉันพึ่งจะเติมน้ำมันเต็มถังเอง
แล้วทำไมถึงไม่มีน้ำมันล่ะ?
ถนนสายนี้ไม่มีปั๊มน้ำมัน ไม่รู้ว่าจะขับไปถึงบริษัทหรือเปล่า?
ฉันมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว อย่าว่าแต่บริษัทเลย แม้แต่ตอนนี้ก็จะไม่รอดแล้ว ฉันรู้สึกรถผิดปกติไปจากเดิน แบบนี้มันอันตรายเกินไป ฉันจึงต้องจอดรถริมทาง ที่นี่ไม่ใช่ลานจอดรถ ฉันจะทิ้งรถไว้กลางทางไม่ได้ ฉันยังมีจิตสำนึกของการอยู่ร่วมกับสังคม
ฉันจะโทรบอกให้เฉียวอี้ส่งน้ำมันมาให้ฉันดีไหม? แต่บ้านของเธอไม่ได้อยู่แถวนี้ ตอนเช้ารถก็ติด ถ้าขืนรอเธอมีหวังต้องถึงเวลาเลิกงานแน่
ตอนที่ฉันกำลังกลุ้มใจอยู่ รถคันหนึ่งก็จอดด้านข้างฉัน จากนั้นก็ปรับกระจกรถลง และแล้วใบหน้าหนึ่งก็โผล่ออกมา
“ว่าไง รีบไม่ใช่เหรอ?”
สีชิงชวน เขาออกจากบ้านก่อนฉันไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงขับรถมาทีหลังฉันล่ะ?
ทันใดนั้นฉันก็นึกถึงคำพูดของเขาในเช้านี้ “แล้วแต่คุณ หวังว่าคุณจะไม่ขอร้องผมนะ” สีชิงชวนเอาน้ำมันรถของฉันออกไปหรือเปล่า
ถึงฉันจะทายถูก แต่ก็พูดออกมาไม่ได้ เขาใจแคบจะตาย ต้องผูกพยาบาทแน่
ฉันจึงได้แต่พูดด้วยใบหน้ากลุ้มใจ “รถฉันไม่มีน้ำมัน”
“ออ” เขาพูดด้วยความเสียดาย “เดี๋ยวผมต้องไปประชุมที่บริษัทเซียวซื่อกรุ๊ปของพวกคุณ เหลือเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง คุณใกล้จะสายแล้วนะ”
“พาฉันไปด้วยกันสิ” ฉันรีบเอ่ย
“แต่เมื่อกี้ผมอุตส่าห์ชวนคุณ แต่คุณกลับปฏิเสธผมได้ลงคอ” เขายิ้มหน้าระรื่น
คนคนนี้ชอบแก้แค้นเกินไปแล้ว เพราะไม่พอใจที่ฉันปฏิเสธ เขาจึงสั่งให้คนใช้เอาน้ำมันออกจากรถของฉันแน่ๆ ฉันโมโหอย่างแรง ทว่าก็ทำอะไรเขาไม่ได้ เขาถูกฉันปฏิเสธสามรอบ งั้นฉันก็ต้องขอร้องเขาสามครั้ง
ฉันปั้นหน้ายิ้ม “ประธานสี คนเราเจออุปสรรคและโชคได้ทุกเมื่อ ฉันไม่รู้ว่าน้ำมันรถจะหมด คุณพาฉันไปด้วยกันนะ”
“รถของผมนั่งเต็มแล้ว”
ฉันเห็นเขานั่งด้านหลังคนเดียว และรถเขาก็สามารถนั่งหันหน้าเข้าหากันได้สี่ที่นั่งด้วย
ฉันพูดด้วยความอดกลั้น “ฉันเห็นมีแต่คุณคนเดียว หรืออีกสามที่นั่งนั้นมีผีมานั่งด้วย”
“ก็ใช่ไง คุณเป็นคนธรรมดาย่อมไม่เห็นอยู่แล้ว” เขาพูดเป็นตุเป็นตะเชียว
“งั้นฉันนั่งด้านข้างคนขับ”
“ตรงนั้นก็มีคนนั่งแล้ว”
“ช่างเถอะ” ทันใดนั้นฉันรู้สึกไม่อยากขอร้องเขาแล้ว
ฉันโทรหาหนีอีโจวดีกว่า เพราะฉันพึ่งนึกได้ว่าบ้านเขาอยู่ละแวกนี้ด้วย ขอความช่วยเหลือจากเขายังดีกว่าเลย
ฉันยังไม่ทันโทรติด สีชิงชวนก็ยืนนอกรถของฉัน จากนั้นก็แย่งมือถือของฉันไป แล้วเขาก็มองเบอร์ของหนีอีโจว
เขาตะคอกจนเกือบชนหน้าฉันแล้ว “คิดจะสวมเขาต่อหน้าผมเลยหรือ?”
“สวมเขา พูดไม่น่าฟังเลย” ฉันได้แต่มองเขากดสายหนีอีโจวทิ้ง “คุณไม่ยอมช่วยฉัน ฉันก็ต้องคิดหาวิธีเองสิ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...