วันนี้ช่างซวยจริงๆ ซวยมากๆ
อย่างแรกเลยคือไปเจอกับสีจิ่นยวนเจ้าคนชอบเลียแข้งเลียขาคนนี้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต มาตอนนี้ก็มาถูกสีชิงชวนจับได้อีก
ฉันอ้าปากค้างคิดว่าจะรับมือยังไงดี ประจวบกับที่สีจิ่นยวนตื่นขึ้นมาพอดี เขาเงยหน้าขึ้นมองสีชิงชวนด้วยความดีใจมาก “พี่สาม พี่ก็มาด้วยเหรอ? ปูผัดผงกะหรี่ที่ลูกพี่หนีทำอร่อยมากจริงๆ ”
“ลูกพี่หนี? ” สีชิงชวนหรี่ตาลง “คืนนี้หนีอีโจวก็อยู่ด้วยเหรอ? ”
“เอ่อ” ฉันเลียริมฝีปาก “พวกเราโตมาด้วยกัน เป็นธรรมดาที่หนีอีโจวจะรู้จักคุณแม่เฉียวเหมือนกัน วันเกิดของคุณแม่เฉียวหนีอีโจวก็เลยมาอวยพรด้วย”
ฉันหันหลังกลับมาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก อธิบายไปแบบนี้ก็น่าจะได้อยู่แหละ?
สีจิ่นยวนกะพริบตาปริบๆ “คืนนี้เป็นวันเกิดของใครเหรอ? ลูกพี่หนีหรือว่าเฉียวอี้? หรือคุณเหรอ เซียวเซิง? ”
ฉันอยากจะทำให้เขาเป็นใบ้เสียจริงๆ รอยยิ้มเย็นที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา “งั้นเจ้าสี่ล่ะ คืนนี้ก็ไปอวยพรวันเกิดคุณแม่ของเฉียวอี้เหมือนกันเหรอ? ”
“บังเอิญเจอกัน ก็เลยตามไปด้วย” เสียงของฉันเบาลงเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าจะปิดบังความจริงต่อไปไม่ได้แล้ว งั้นฉันขอเผ่นก่อนละกัน
ถึงอย่างไรเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว และเขาก็ทำอะไรฉันไม่ได้แล้ว
ฉันรีบหนีเข้าห้องของฉันและล็อกประตู สีจิ่นยวนนอนเกาะอยู่บนตัวของสีชิงชวน เขาเลยปล่อยมือออกมาจับฉันไว้ไม่ได้ ดังนั้นฉันเลยโชคดีหนีออกมาได้
ฉันเอาหูแนบไปกับบานประตูได้ยินเสียงสีชิงชวนพาสีจิ่นยวนเข้าไปในห้องของเขา และสั่งให้คนรับใช้ไปทำซุปแก้เมาค้างมาให้สีจิ่นยวน
ฉันคิดว่าตัวเองจะตายเสียแล้ว
ฉันโกหกและไม่ไปงานเลี้ยงกับเขานั่นก็มากพอแล้ว แล้วนี่ยังจะพาน้องชายของไปเมาอีก
ฉันมีความปรารถนาในการหาทางเอาชีวิตรอดอย่างแรงกล้า ต่อให้คืนนี้จะง่วงมากแค่ไหนฉันก็หลับไม่ลง ฉันนั่งอยู่หน้ากระดานวาดภาพ หยิบพู่กันขึ้นมาแสร้งทำเป็นเริ่มลงมือวาดรูป และก็เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้จริงๆ ยังไม่ถึงสิบนาทีสีชิงชวนก็มาเคาะประตูห้องฉัน
ตอนนี้ฉันค่อนข้างรู้จักสีชิงชวนเป็นอย่างดีแล้ว เขาคนนี้จิตใจคับแคบอย่างยิ่ง
ฉันเดินไปเปิดประตู ก่อนที่เขาจะเอ่ยอะไรออกมาฉันก็ยกพู่กันในมือขึ้น “ฉันกำลังวาดรูปให้คุณอยู่ เพิ่งลงสีเสร็จเลย”
เขาใช้ดวงตาข้างเดียวมองมาที่ฉันอย่างหวาดระแวง “ดื่มจนเหมือนแมวขี้เมาขนาดนี้ คุณแน่ใจนะว่าคุณจะวาดออกมาได้ดี? ”
“บางคนก็วาดภาพด้วยความรู้สึก ความรู้สึกของฉันในตอนนี้ก็กำลังดีเลย ดังนั้นได้โปรดอย่ามารบกวนฉัน”
เขามองไปทางกระดานวาดภาพของฉัน “ถ้าคุณวาดผิดไปแม้แต่นิดเดียว คุณคงรู้ชะตากรรมของคุณนะ”
“รู้แล้วๆ ” ฉันยิ้ม “ฉันจะวาดให้ดีๆ เลย คุณไปพักผ่อนเถอะ”
เมื่อคืนเขานอนบนโซฟาเกรงว่าจะนอนหลับไม่สนิทตลอดทั้งคืน ในท้ายที่สุดเขาจึงได้หันหลังกลับไป แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาก็หยุดเดิน “เซียวเซิง สำหรับคุณในตอนนี้อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด? ”
“อะไรนะ? ” ฉันงงกับคำถามของเขา
“ครอบครัว? ความรัก? มิตรภาพ? หรือว่าอำนาจเงินทอง? ”
จู่ๆ มาถามเรื่องพวกนี้ทำไม?
ตอนนี้ฉันไม่มีครอบครัวแล้ว ความรักก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยดี ส่วนอำนาจเงินทองฉันก็ไม่ได้มีน้อย ฉันจึงเอ่ยออกไปอย่างหนักแน่นว่า “มิตรภาพ”
ไม่นึกเลยว่าเขาจะยิ้มออกมา และดูเหมือนจะมีความสุขมากอีกด้วย เขาดีดนิ้วขึ้นมาหนึ่งครั้ง “โอเค งั้นผมจะทำให้คุณได้รู้เร็วๆ ว่ามิตรภาพเป็นสิ่งที่จอมปลอมที่สุดในโลกใบนี้ มันไม่มีค่าอะไรเลย”
“หมายความว่ายังไง? ” ฉันเบิกตากว้าง
“เฉียวอี้เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณใช่ไหม? ”
“ใช่”
เขายิ้มอย่างชั่วร้าย “ไม่นานคุณก็จะได้เห็นอย่างชัดเจนว่าอะไรคือมิตรภาพ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ได้ทำลายผลประโยชน์ของกันและกัน ก็จะยังสามารถรักษาความสัมพันธ์ของมิตรสหายที่ดีเอาไว้ได้ แต่เมื่อระหว่างทั้งสองคนเกิดการแย่งชิงกันเกิดขึ้น คุณก็จะได้รู้ว่าบนโลกใบนี้คนเดียวที่คุณสามารถไว้ใจได้มีแค่ตัวเองเท่านั้น”
“แค่เพราะจิตใจของคุณดำมืดไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน บนโลกใบนี้ยังมีความจริง ความดีงาม และความสวยงามอีกมากมาย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...