นี่คือสไตล์ของสีชิงชวน คำพูดของเขาสั้นกะทัดรัดแต่ได้ใจความและตรงไปตรงมา
ฉันยื่นการ์ดให้เฉียวอี้ “ของเธอ”
“อะไรนะ? ” เฉียวอี้ได้ยินไม่ชัด “ห้ะ? ”
“ดอกไม้นี่สีชิงชวนส่งให้เธอ”
เฉียวอี้รับการ์ดไปด้วยความหวาดระแวง และอ่านมันอยู่นานเหมือนคนไม่รู้ตัวหนังสือ ตัวอักษรแค่สามตัวแต่ใช้เวลาอ่านอยู่หนึ่งนาทีเต็ม
“ให้เฉียวอี้ หมายความว่ายังไง? ”
“หมายความว่าดอกไม้ช่อนี้สีชิงชวนส่งให้เธอไง”
“ทำไมถึงต้องส่งให้ฉันด้วยล่ะ? ” เธอยังคงโง่เขลาอยู่ เธอลูบผมของตัวเอง “สีชิงชวนบ้าไปแล้วเหรอ? ”
แน่นอนว่าสีชิงชวนไม่ได้บ้า จู่ๆ ฉันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อคืนนี้เขาถึงพูดคำพูดที่คลุมเครือเหล่านั้นกับฉัน
เขาบอกว่าบนโลกใบนี้ไม่มีมิตรภาพที่แท้จริง เมื่ออยู่ต่อหน้าสิ่งยั่วยวนใจ ผลประโยชน์ และการแย่งชิง มิตรภาพก็ไม่มีค่าอะไร
ดังนั้นที่ตอนนี้เขาส่งดอกไม้มาให้เฉียวอี้ นี่ก็คือสิ่งยั่วยวนใจ
สีชิงชวนเป็นคนมีเสน่ห์มาก เขามั่นใจว่าขอแค่เขาเคลื่อนไหวเริ่มโจมตีก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะไม่สยบลงแทบเท้าเขา
ฉันล่ะอยากจะพ่นคำหยาบออกมาจริงๆ ฉันมองเข้าไปในดวงตาที่สับสนของเฉียวอี้ และไม่ได้บอกคำพูดเมื่อคืนกับเธอ
ทันใดนั้น ฉันก็คิดว่าบททดสอบนี้ของสีชิงชวนเหี้ยมโหดมาก ฉันเองก็ไม่รู้คำตอบสุดท้ายเหมือนกัน
แต่เฉียวอี้ก็คือเฉียวอี้ ไม่นานเธอก็ลืมเรื่องนี้ไปจนหมดสิ้น และเปิดประชุมเล็กๆ กับฉัน หลังจากนั้นก็ไปปรึกษากับหร่วนหลิงว่าตอนกลางวันจะทานอะไรดี
เธอยกกองเอกสารเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงการมาให้ฉันอ่าน ฉันนั่งอ่านเอกสารอยู่ในห้องทำงานคนเดียว แต่เพียงแค่เงยหน้าขึ้นก็จะมองเห็นช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะกาแฟฝั่งตรงข้ามช่อนั้น
ดอกกุหลาบสีเขียวกลิ่นหอมมาก กลิ่นหอมของดอกไม้ลอยเข้ามาในจมูกของฉันอยู่บ่อยๆ
ฉันกลุ้มใจมาก เพราะฉันเองก็แอบคาดหวังปฏิกิริยาของเฉียวอี้อยู่เล็กน้อยเช่นกัน
และยังรู้สึกกังวลนิดหน่อยด้วย เมื่อก่อนฉันเคยอ่านนิยายสืบสวนเล่มหนึ่ง ในนิยายเล่มนั้นมีสะพานที่เอาไว้ทดสอบใจคน
ตัวเอกพูดมาประโยคหนึ่งว่าขอแค่เป็นจิตใจคน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่สามารถทนต่อการทดสอบได้
งั้นเฉียวอี้ล่ะ? เธอจะทนได้ไหม?
ฉันอ่านเอกสาร เอกสารพวกนั้นมีแต่ทฤษฎีมากเกินไป ฉันอ่านจนรู้สึกเวียนหัวไปหมด เฉียวอี้วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว “เซียวเซิง ตอนเที่ยงพวกเราไปกินข้าวหน้าหมึกยักษ์กันดีไหม? ”
เฉียวอี้ชอบอาหารทะเลทุกชนิด เธอสามารถทานหมึกยักษ์ที่ยังดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนข้าวได้ และยังบอกอีกด้วยว่าเธอชอบความรู้สึกหายใจไม่ออกเวลาที่หนวดของหมึกยักษ์มันดูดคอเธอมาก เป็นคนที่แปลกจริงๆ
“ได้นะ แต่ฉันอยากกินแบบสุกๆ อย่าบังคับให้ฉันกินแบบดิบเลย”
“หมึกยักษ์สุกๆ มันจะไปอร่อยอะไร? ”
“งั้นฉันไม่ไปแล้ว”
“ก็ได้ๆ เธอกินแบบสุก ฉันกินแบบดิบ” ขณะที่พูด หร่วนหลิงก็เคาะประตู “คุณเฉียวคะ คุณป๋ออวี่มาหาคุณค่ะ”
ป๋ออวี่? หมายถึงผู้ช่วยป๋อ ป๋ออวี่คนนั้นน่ะเหรอ?
เฉียวอี้เองก็งงเหมือนกัน และป๋ออวี่ก็ยืนอยู่ที่หน้าประตูแล้ว “คุณเฉียว ผมมารอคุณเลิกงานจะได้รับคุณไปทานข้าวกลางวันครับ”
“พวกเราสองคนจะไปทานอะไรเป็นมื้อเที่ยงเหรอ? ”
“ไม่ได้ไปกับผมครับ คุณสีให้ผมมารับคุณ”
เฉียวอี้อ้าปากค้าง และหันมามองฉัน “เกิดอะไรขึ้น? ”
ฉันยักไหล่ เวลานี้เองสายจากสีชิงชวนก็โทรเข้ามา ฉันรับสาย
“ห้ามใช้สปีกเกอร์โฟน” เขาเอ่ย
ฉันส่งเสียงฮึดฮัดออกมา “มีแค่ฉันคนเดียวที่ได้ยิน”
“เซียวเซิง ถ้าคุณอยากเห็นผลลัพธ์ที่แท้จริงที่สุดละก็ งั้นก็ห้ามบอกเฉียวอี้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วคุณก็จะได้เห็นปฏิกิริยาที่แท้จริงที่สุดของเธอ”
“นี่คุณจะมากเกินไปหน่อยหรือเปล่า? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...