โคตรอึดอัด โคตรน่าอาย
สีชิงชวนก้มตัวลงเก็บเสื้อชั้นในของฉันขึ้นแล้วส่งมาให้ “ของคุณเหรอ?”
คำพูดนี้นี่มัน… หรือเป็นของเขากันล่ะ?
ฉันรับมันมา รู้สึกเหมือนเลือดมันพุ่งมาบนศีรษะจนหน้าแดงไปหมดทั้งหน้า สายตาของเขากวาดสแกนไปทั่วร่างของฉันด้วยความสนใจตั้งแต่บนลงล่าง จากนั้นก็หยุดลงที่หน้าอกของฉัน
วันนี้ฉันใส่เสื้อเชิ้ตชีฟองมาแบบสบายๆ โดยด้านนอกใส่เสื้อโค้ตทับอีกชั้น ตอนนี้เสื้อชั้นในด้านในไม่มีแล้ว เสื้อเชิ้ตชีฟองโปร่งใสอย่างกับถุงพลาสติก แค่มองผ่านๆ ก็เห็นได้ชัดเจนแล้ว
ฉันรีบพันเสื้อโค้ตทับให้มิดชิดโดยที่ในมือยังถือเสื้อชั้นในอยู่ สภาพฉันคงดูแย่มาก ฉันทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรองภายในระยะเวลาอันสั้น ดูจากรูปการณ์แล้ว เดาว่าฉันคงไม่มีทางคุยกับเขาเรื่องหย่าต่อได้อีก
ฉันอยากหนีไปให้ไว แต่รู้สึกว่าเพลิงในตาของเขามันลุกไหม้ร้อนแรงเสียยิ่งกว่าเมื่อครู่อีก ฉันได้กลิ่นอายแห่งความอันตรายจึงบีบคอเสื้อโค้ตไว้แน่นแล้วถอยไปที่บานประตู แต่เขาฉุดดึงเสื้อโค้ตฉันไว้ทัน และฉันก็ได้ยินเสียงฉีกขาดแวบเข้ามาในหู
ฉันรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา “คุณพี่ เสื้อโค้ตฉันไม่ใช่ของแบรนด์นะ ดึงแรงๆ มันจะขาดเอา”
“เป็นถึงคุณนายสี ซอมซ่อขนาดนี้เลยเหรอ?” เขาพูดอย่างนั้นก็จริงแต่แรงที่มือเขากลับไม่แผ่วลงเลย ยังออกแรงเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก
‘แควก’ รอยต่อระหว่างแขนเสื้อโค้ตที่น่าสงสารของฉันถูกดึงขาดและเผยให้เห็นหัวไหล่ของฉัน
เขายิ้มออกมาอย่างมีความสุข “นี่นับว่าเป็นความพิศวาสจนตัดแขนเสื้อไหม?”
“คุณอย่าทำเป็นไร้การศึกษา ตัดแขนเสื้อมันหมายถึงเพศเดียวกันต่างหาก”
“ยังไงในสายตาคุณผมก็เป็นไอ้โรคจิตนี่” เขาปล่อยมือออก แขนเสื้อฉันห้อยลงต่องแต่งอย่างกับหูหมูอย่างไรอย่างนั้น
ฉันจะออกไปได้ไงทั้งที่ตัวเองอยู่ในสภาพแบบนี้?
ในเวลานั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น น้ำเสียงของคุณเลขาสาวดังขึ้นอย่างงกๆ เงิ่นๆ “คุณสีคะ คุณเซียวมาค่ะ”
คุณเลขาสาวคงไม่ได้ตกใจสีชิงชวนจนสติไม่ดีไปแล้วใช่ไหม? ฉันก็ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เหรอ?
สีชิงชวนหมุนตัวกลับไปนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน “อืม ให้เธอเข้ามา”
เมื่อประตูเปิดออก ฉันก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงดังขึ้น ฉันไม่สามารถจัดการอะไรอย่างอื่นได้ มือหนึ่งกำเข้าที่คอเสื้อโค้ต ส่วนอีกมือก็ถือเสื้อชั้นในของตัวเอง มองไปรอบๆ แล้วก็มุดเข้าไปในตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่
สีชิงชวนนี่ช่างเจ้าสำอางจริงๆ แม้แต่ในห้องทำงานเขายังมีตู้เสื้อผ้า ด้านในมีแต่ชุดสูทและเสื้อเชิ้ตเรียงเป็นตับ ประตูตู้เป็นระแนงเหมือนกับราวกั้น ซึ่งฉันสามารถมองเห็นด้านนอกผ่านร่องนั้นได้
ฉันเห็นเงาของใครคนหนึ่งที่มีรูปร่างอ่อนช้อยทรงเสน่ห์เดินเข้ามาจากประตูด้านนอก เธอสวมชุดกระโปรงสีขาว บนหัวไหล่มีเสื้อโค้ตขนแกะสีขาวแบบสั้นคลุมอยู่ เห็นแค่เงาฉันก็รู้แล้วว่าเป็นใคร
เธอคือเซียวซือ ในความทรงจำของฉัน เหมือนเธอจะไม่เคยใส่เสื้อผ้าสีอื่นเลย นอกจากสีขาว
“ทำไมจู่ๆ ถึงมาหาผม?”
“คุณไม่ได้อยากเจอจื่อไท่เหรอ? เที่ยงนี้เขาว่างพอดี ไปทานข้าวด้วยกันสิ” เซียวซือพูดด้วยน้ำเสียงไพเราะ แต่ยากที่จะจับอารมณ์ได้
จื่อไท่คือใคร? ขณะที่ฉันกำลังขบคิดก็ได้ยินเสียงของสีชิงชวนพูดขึ้น “คุณจะให้ผมไปเป็นก้างขวางคอเหรอ?”
“ถ้าคุณจะหาคนไปด้วยฉันก็ไม่ถือนะ แต่ช่วงเที่ยงคุณมีเวลาจำกัดไม่ใช่เหรอ?”
“คุณไปรอผมข้างนอกก่อน เดี๋ยวผมออกไป”
พวกเขาพูดคุยกันไม่กี่คำบทสนทนาก็จบลง จากนั้นเซียวซือก็เดินออกจากห้องทำงานไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...