“เอ่อ” ฉันเฉยๆ กับของหวาน แต่เฉียวอี้กลับเป็นผู้สนับสนุนที่มีใจภักดีต่อช็อกโกแลต
“ลูกอมช็อกโกแลตนี่อร่อยมาก คุณไปเจอมาจากไหน” เฉียวอี้กำลังจะเดินไปเอาลูกอมช็อกโกแลตจากมือสีชิงชวน แต่เขากลับยกมือขึ้นสูงทำให้เฉียวอี้เอื้อมไม่ถึง
ยากที่คนที่สูงตั้งเกือบ 180 เซนติเมตรอย่างเธอจะมีของที่เอื้อมไม่ถึง เธอพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นหวั่นวิตก “ฉันเหมาช็อกโกแลตมาหมดทั้งซูเปอร์มาร์เก็ตนี่แล้ว”
“ฉันกินเอง” ฉันบอกกับสีชิงชวน “ใส่ไว้ในรถเข็นเถอะ ไม่งั้นเฉียวอี้บ้าขึ้นมาแล้วเธอจะเหมาหมดซูเปอร์มาร์เก็ตจริงๆ”
“มหัศจรรย์มากที่มาถึงทุกวันนี้พ่อเธอก็ยังไม่ล้มละลาย” สีชิงชวนโยนลูกอมช็อกโกแลตลงในรถเข็น
ฉันเพิ่งเคยเดินซูเปอร์มาร์เก็ตกับสีชิงชวนเป็นครั้งแรก เวลาไอ้จอมโหดเดินซูเปอร์มาร์เก็ตก็ยังมีออร่าเต็มเปี่ยมเหมือนเดิม ส่วนเราก็เดินตามก้นเขาเหมือนกับลูกสมุนของเขาอย่างไรอย่างนั้น
ทันใดนั้นเขาก็หยุดลงหน้าเชลฟ์วางสินค้าผลิตภัณฑ์อาหารแล้วหยิบสินค้าอย่างหนึ่งขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด ฉันคิดว่าเขาจะซื้อจึงแนะนำมันให้เขาฟังอย่างกระตือรือร้น “คุกกี้ไม่มีน้ำตาลอันนี้เป็นแบนเนอร์คุกกี้เพื่อสุขภาพ จริงๆ ก็มีรสหวานนะ ฉันว่าความหวานจากสารให้ความหวานกับไซลิทอลมันไม่ได้ต่างกัน”
เขาหันหน้ามามองฉัน “นี่เป็นสินค้าของบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารบริษัทหนึ่งภายใต้แบรนด์ของสีซื่อกรุ๊ป”
ฉันเงียบเสียงลง สีจิ่นยวนก็ยื่นหน้ามามองและแสดงสีหน้าเห็นด้วย “ใช่ นี่เป็นสินค้าของสีซื่อกรุ๊ป”
“เอ่อ” เขินจัง ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าธุรกิจของสีซื่อกรุ๊ปมันขยายไปถึงผลิตภัณฑ์อาหารแล้ว
“เซียวเซิง คุกกี้แบบนี้ของสีซื่อกรุ๊ปเน้นแนวคิดเรื่องสุขภาพ ข้างในเป็นโฮลวีททั้งหมด แล้วก็มีรำข้าวสาลีด้วยนะ” สีจิ่นยวนบอกฉัน
“รำข้าวสาลีมันก็แค่เรื่องขำขัน จริงๆ มันไม่ดีต่อทางเดินหายใจสำหรับบางคน ถ้าคนแก่กับเด็กกินก็อาจจะสำลักได้ แล้วก็มีบางคนแพ้ข้าวสาลีด้วย นี่มันมุ่งเป้าไปที่คนแค่บางกลุ่ม” ฉันพูดจบถึงเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดมากเกินไปจึงไม่กล้าหันไปมองหน้าสีชิงชวน
แต่เหมือนเขาจะไม่ได้คิดอะไร ยังคงมีท่าทีที่นับว่าสงบเยือกเย็นอยู่ จากนั้นเขาก็วางคุกกี้ลงแล้วเดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบไร้ท่าทีใดๆ
ฉันกระซิบข้างหูสีจิ่นยวนเบาๆ “ฉันพูดมากเกินไปหรือเปล่า?”
“ไม่เป็นไร พี่สามของผมไม่โกรธหรอก เขาใจกว้างนะ”
“ใจกว้างเหรอ?” ฉันเกือบจะตกใจตายแน่ะ “นายยังมีพี่สามคนอื่นอีกเหรอ? เราพูดถึงคนคนเดียวกันไหม?”
เมื่อเดินซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเสร็จ เราทั้งหมดก็เตรียมจะขับรถไปที่บ้านของเฉียวอี้
สีชิงชวนจะไปด้วยกันจริงๆ ทำให้เฉียวอี้ไม่พอใจมาก แต่ก็ไม่กล้าพูดต่อหน้าเขา ทำเพียงแค่แอบซุบซิบกับฉันเบาๆ “ฉันไม่ได้เชิญเขาสักหน่อย ทำไมเขาถึงมาโดยไม่ได้รับเชิญ”
“เธอไปพูดกับเขาเองสิ” ฉันและสีจิ่นยวนเห็นพ้องต้องกัน มีสีชิงชวนอยู่ด้วยก็รู้สึกราวกับว่าอากาศกำลังหยุดนิ่ง “ยังไงมันก็เป็นบ้านเธอ เธอมีสิทธิ์พูดนะ”
เฉียวอี้ถูกำปั้นตัวเองอย่างพร้อมสู้ แต่เมื่อเห็นสีชิงชวนขับรถผ่านมาใกล้ๆ เราและเอียงศีรษะมาทางฉันแล้วพูดขึ้นว่า “เซียวเซิง ขึ้นรถ” เธอก็กลัวซะแล้ว
ฉันไม่อยากขึ้นรถของสีชิงชวน แต่เมื่อถูกกดดันก็ทำได้เพียงขึ้นรถไปอย่างว่าง่าย
สีจิ่นยวนตีหน้าเศร้าพร้อมกับขึ้นรถของเฉียวอี้ไป “พี่อย่าขับเร็วเกินไปนะ”
ตอนที่ฉันขึ้นรถ สีชิงชวนก็ยื่นมือมาดึงฉันขึ้นไป แถมยังช่วยฉันคาดเข็มขัดนิรภัยอีกด้วย เขาดีกับฉันจนฉันรู้สึกปั่นป่วนไปหมด
ขอแค่เขาไม่ถามฉันว่าทำไมสีจิ่นยวนถึงอยู่กับพวกเราด้วยก็พอ เพราะฉันไม่รู้ว่าจะตอบเข้ายังไงดี
รถของเราขับออกจากที่จอดรถ รถของเฉียวอี้แซงรถของเราขึ้นไปอย่างรวดเร็วจนฉันเหมือนจะได้ยินเสียงกรีดร้องที่แสนสิ้นหวังของสีจิ่นยวน
“เฉียวอี้นี่ เธอขับเร็วอีกแล้ว”
“คุณนั่งดีๆ นะ” สีชิงชวนพูดกับฉัน
“คุณจะทำอะไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...