พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 181

“เอ่อ” ฉันเฉยๆ กับของหวาน แต่เฉียวอี้กลับเป็นผู้สนับสนุนที่มีใจภักดีต่อช็อกโกแลต

“ลูกอมช็อกโกแลตนี่อร่อยมาก คุณไปเจอมาจากไหน” เฉียวอี้กำลังจะเดินไปเอาลูกอมช็อกโกแลตจากมือสีชิงชวน แต่เขากลับยกมือขึ้นสูงทำให้เฉียวอี้เอื้อมไม่ถึง

ยากที่คนที่สูงตั้งเกือบ 180 เซนติเมตรอย่างเธอจะมีของที่เอื้อมไม่ถึง เธอพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นหวั่นวิตก “ฉันเหมาช็อกโกแลตมาหมดทั้งซูเปอร์มาร์เก็ตนี่แล้ว”

“ฉันกินเอง” ฉันบอกกับสีชิงชวน “ใส่ไว้ในรถเข็นเถอะ ไม่งั้นเฉียวอี้บ้าขึ้นมาแล้วเธอจะเหมาหมดซูเปอร์มาร์เก็ตจริงๆ”

“มหัศจรรย์มากที่มาถึงทุกวันนี้พ่อเธอก็ยังไม่ล้มละลาย” สีชิงชวนโยนลูกอมช็อกโกแลตลงในรถเข็น

ฉันเพิ่งเคยเดินซูเปอร์มาร์เก็ตกับสีชิงชวนเป็นครั้งแรก เวลาไอ้จอมโหดเดินซูเปอร์มาร์เก็ตก็ยังมีออร่าเต็มเปี่ยมเหมือนเดิม ส่วนเราก็เดินตามก้นเขาเหมือนกับลูกสมุนของเขาอย่างไรอย่างนั้น

ทันใดนั้นเขาก็หยุดลงหน้าเชลฟ์วางสินค้าผลิตภัณฑ์อาหารแล้วหยิบสินค้าอย่างหนึ่งขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด ฉันคิดว่าเขาจะซื้อจึงแนะนำมันให้เขาฟังอย่างกระตือรือร้น “คุกกี้ไม่มีน้ำตาลอันนี้เป็นแบนเนอร์คุกกี้เพื่อสุขภาพ จริงๆ ก็มีรสหวานนะ ฉันว่าความหวานจากสารให้ความหวานกับไซลิทอลมันไม่ได้ต่างกัน”

เขาหันหน้ามามองฉัน “นี่เป็นสินค้าของบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารบริษัทหนึ่งภายใต้แบรนด์ของสีซื่อกรุ๊ป”

ฉันเงียบเสียงลง สีจิ่นยวนก็ยื่นหน้ามามองและแสดงสีหน้าเห็นด้วย “ใช่ นี่เป็นสินค้าของสีซื่อกรุ๊ป”

“เอ่อ” เขินจัง ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าธุรกิจของสีซื่อกรุ๊ปมันขยายไปถึงผลิตภัณฑ์อาหารแล้ว

“เซียวเซิง คุกกี้แบบนี้ของสีซื่อกรุ๊ปเน้นแนวคิดเรื่องสุขภาพ ข้างในเป็นโฮลวีททั้งหมด แล้วก็มีรำข้าวสาลีด้วยนะ” สีจิ่นยวนบอกฉัน

“รำข้าวสาลีมันก็แค่เรื่องขำขัน จริงๆ มันไม่ดีต่อทางเดินหายใจสำหรับบางคน ถ้าคนแก่กับเด็กกินก็อาจจะสำลักได้ แล้วก็มีบางคนแพ้ข้าวสาลีด้วย นี่มันมุ่งเป้าไปที่คนแค่บางกลุ่ม” ฉันพูดจบถึงเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดมากเกินไปจึงไม่กล้าหันไปมองหน้าสีชิงชวน

แต่เหมือนเขาจะไม่ได้คิดอะไร ยังคงมีท่าทีที่นับว่าสงบเยือกเย็นอยู่ จากนั้นเขาก็วางคุกกี้ลงแล้วเดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบไร้ท่าทีใดๆ

ฉันกระซิบข้างหูสีจิ่นยวนเบาๆ “ฉันพูดมากเกินไปหรือเปล่า?”

“ไม่เป็นไร พี่สามของผมไม่โกรธหรอก เขาใจกว้างนะ”

“ใจกว้างเหรอ?” ฉันเกือบจะตกใจตายแน่ะ “นายยังมีพี่สามคนอื่นอีกเหรอ? เราพูดถึงคนคนเดียวกันไหม?”

เมื่อเดินซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเสร็จ เราทั้งหมดก็เตรียมจะขับรถไปที่บ้านของเฉียวอี้

สีชิงชวนจะไปด้วยกันจริงๆ ทำให้เฉียวอี้ไม่พอใจมาก แต่ก็ไม่กล้าพูดต่อหน้าเขา ทำเพียงแค่แอบซุบซิบกับฉันเบาๆ “ฉันไม่ได้เชิญเขาสักหน่อย ทำไมเขาถึงมาโดยไม่ได้รับเชิญ”

“เธอไปพูดกับเขาเองสิ” ฉันและสีจิ่นยวนเห็นพ้องต้องกัน มีสีชิงชวนอยู่ด้วยก็รู้สึกราวกับว่าอากาศกำลังหยุดนิ่ง “ยังไงมันก็เป็นบ้านเธอ เธอมีสิทธิ์พูดนะ”

เฉียวอี้ถูกำปั้นตัวเองอย่างพร้อมสู้ แต่เมื่อเห็นสีชิงชวนขับรถผ่านมาใกล้ๆ เราและเอียงศีรษะมาทางฉันแล้วพูดขึ้นว่า “เซียวเซิง ขึ้นรถ” เธอก็กลัวซะแล้ว

ฉันไม่อยากขึ้นรถของสีชิงชวน แต่เมื่อถูกกดดันก็ทำได้เพียงขึ้นรถไปอย่างว่าง่าย

สีจิ่นยวนตีหน้าเศร้าพร้อมกับขึ้นรถของเฉียวอี้ไป “พี่อย่าขับเร็วเกินไปนะ”

ตอนที่ฉันขึ้นรถ สีชิงชวนก็ยื่นมือมาดึงฉันขึ้นไป แถมยังช่วยฉันคาดเข็มขัดนิรภัยอีกด้วย เขาดีกับฉันจนฉันรู้สึกปั่นป่วนไปหมด

ขอแค่เขาไม่ถามฉันว่าทำไมสีจิ่นยวนถึงอยู่กับพวกเราด้วยก็พอ เพราะฉันไม่รู้ว่าจะตอบเข้ายังไงดี

รถของเราขับออกจากที่จอดรถ รถของเฉียวอี้แซงรถของเราขึ้นไปอย่างรวดเร็วจนฉันเหมือนจะได้ยินเสียงกรีดร้องที่แสนสิ้นหวังของสีจิ่นยวน

“เฉียวอี้นี่ เธอขับเร็วอีกแล้ว”

“คุณนั่งดีๆ นะ” สีชิงชวนพูดกับฉัน

“คุณจะทำอะไร?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)