พอฉันล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็เดินออกมาข้างนอก เดินรอบบ้านจนครบแล้วแต่ก็ยังมองไม่เห็นตัวสีชิงชวน เขาไปไหนแต่เช้าตรู่เลยนะ?
ฉันถามอลิซาเบธ มันไม่ยอมบอกกับฉันดีๆ “ไม่รู้สิ”
“งั้นเขาออกจากบ้านไปแล้วเหรอ?”
“ไม่รู้สิ”
ฉันเริ่มหงุดหงิด แต่พอเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นเงาของสีชิงชวนเดินผ่านระเบียงทางเดินไปแว๊บๆ เพราะอาหารเช้ายังมาไม่ถึงด้วย ฉันจึงรีบเดินไปหาเขา พอฉันเดินขึ้นไปชั้นบน เขาก็ไม่ได้อยู่ตรงระเบียงทางเดินซะแล้ว ฉันเปิดประตูไล่ดูทีละห้องทีละห้องเพื่อตามหา แล้วมาพบเขาที่ห้องหนังสือ เขายืนอยู่ตรงริมหน้าต่างหันหลังให้ฉัน ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่
ฉันเรียกชื่อเขา “สีชิงชวน”
เขาตอบฉันด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “อืม”
“คุณตื่นนานหรือยัง?”
“ตื่นได้สักพักแล้วล่ะ”
“ทำไมมาอยู่ในห้องหนังสือล่ะ?”
“ผมพอใจที่จะอยู่ที่นี่ไงล่ะ”
“อลิซาเบธสั่งอาหารเช้าให้แล้วนะ สักพักก็มาส่ง ลงชั้นล่างไปทานอาหารเช้ากันนะ”
“ผมยังไม่หิว”
ฉันรู้สึกว่าเขาดูแปลกๆ ฉันเดินไปใกล้เขา “ทำไมต้องหันหลังให้ฉันตลอดเวลาพูดคุยกันด้วยล่ะ?”
ฉันเอามือไปจับไหล่ของเขาหมุนตัวไปอยู่ตรงหน้าเขา “เอ๊ะ ทำไมคุณต้องใส่แว่นกันแดดด้วยล่ะ?”
มันน่าสงสัยจริงๆ เช้านี้ไม่มีแสงแดดเลยด้วยซ้ำ อีกอย่างอยู่ในตัวบ้านไม่เห็นจำเป็นต้องใส่แว่นกันแดดด้วยเลย เขาเป็นอะไรอีกล่ะ?
เขาดึงมือฉันลง “มันไม่ใช่เรื่องของคุณ”
“ดวงตาเป็นอะไรล่ะ?” ฉันเขย่งปลายเท้าเพื่อจะถอดแว่นกันแดดที่อยู่บนหน้าเขาออก
ดวงตาของเขาแดงเหมือนกระต่ายเลย รอบๆบริเวณหนังตายังบวมอีกด้วย
“ดวงตาของคุณทำไมทั้งแดงทั้งบวมด้วยล่ะ?”
เขารีบเอาแว่นกันแดดในมือของฉันกลับไปสวมใส่เหมือนเดิม “ระวังว่าผมจะปิดปากคุณด้วยนะ”
“ทำไมถึงบวมขนาดนั้นด้วยล่ะ? บวมขนาดนี้ทำไมไม่ไปหาหมอล่ะ?”
“ไม่เป็นไร ผมกินปูทีไรก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งแหละ”
ที่แท้ก็เป็นอาการของคนแพ้อาหารทะเลนี่เอง ฉันยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ “คุณรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองแพ้อาหารทะเลแล้วทำไมยังทานมันอีกล่ะ?”
“ผมนึกว่าผมหายดีแล้ว” ถึงแม้ว่าภาพที่เขาใส่แว่นกันแดดมันจะดูหล่อมาก แต่ว่าเมื่อสวมใส่ในบ้านแล้วมันดูเอ๋อๆยังไงไม่รู้?
“งั้นก็ลองทานยาหรือใช้ยาทาสักหน่อยสิ”
“ไม่จำเป็น เรื่องเล็กนิดเดียว”
“ถ้าเห็นว่าเรื่องมันเล็กแล้วคุณจะใส่แว่นกันแดดอีกทำไม ทำไมคุณถึงไม่ชอบไปโรงพยาบาลเลย คุณกลัวเหรอ?”
“คุณดูแลตัวเองดีๆก็พอ” เขาดึงแขนฉันแล้วพาเดินออกจากห้องหนังสือ
สีชิงชวนช่างเป็นคนที่แปลกประหลาดมาก สิ่งที่เขากลัวฉันกลับมองมันว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรกลัว สิ่งที่น่ากลัวจริงๆเขากลับไม่กลัว อีกอย่างเขาเป็นคนที่ไม่ชอบการทานยาเลย แต่ว่าตาของเขาแดงขนาดนี้ควรทำไงดี?
พวกเรานั่งทานอาหารเช้าอยู่บนโต๊ะด้วยกัน เขาใส่แว่นกันแดดทานโจ๊ก ฉันเป็นห่วงจริงๆว่าเขาจะตักโจ๊กเข้าจมูก
“สีชิงชวน”
“อะไรล่ะ?”
“ปกติแล้วดวงตาของคุณจะบวมแดงอยู่กี่วัน?”
“หนึ่งอาทิตย์”
“งั้นอีกสองวันเราไปเกาะพระอาทิตย์กัน คุณกะจะใส่แว่นกันแดดอยู่ตลอดเวลาเหรอ?”
“เวลาไปทะเลและเวลาอยู่บนเกาะก็ต้องใส่แว่นกันแดดกันอยู่แล้วนิ”
“แสงแดดส่องเข้าตาคุณมันจะไม่แย่ไปกว่าเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...