หลังจากนั้นสีชิงชวนก็โทรมาไม่หยุด ป๋ออวี่รับโทรศัพท์อยู่ข้างๆ ฉันยังได้ยินเสียงดุเดือดของสีชิงชวนดังจากโทรศัพท์ราวกับถึงขั้นที่จะฆ่าคนได้ปานนั้น
จากนั้นป๋ออวี่จึงปิดเครื่องไปเสียเลย เขาไปหาเก้าอี้ผ้าใบและผ้าคลุมมาให้ฉันด้วยความใส่ใจ
ฉันนอนฟังเสียงคลื่นทะเลอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบ
ป๋ออวี่เองก็นอนอยู่เก้าอี้ผ้าใบอีกตัวหนึ่งข้างๆ ฉัน ฉันแค่หันไปก็เห็นเขาแล้ว
เขาไม่ได้ถามฉันว่าทำไมฉันถึงเศร้าขนาดนี้ เพียงแค่นอนอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนฉันเท่านั้น
“ป๋ออวี่” ฉันใจเย็นลงแล้วถึงจะเอ่ยขึ้น “นายช่วยเล่าเรื่องของสีชิงชวนกับเซียวซือให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม?”
ป๋ออวี่หันมามองฉันด้วยสายตาที่ไม่เคยมีมาก่อน มองจนฉันรู้สึกผิด “ถ้านายไม่สะดวกก็ล่ะก็…”
“เซียวเซิง” เขาไม่รอให้ฉันพูดจบ “คุณตกหลุมรักคุณสีเข้าแล้ว?”
ฉันตกใจสะดุ้งจนเกือบจะตกจากเก้าอี้ไป เขารีบยื่นมือเข้ามาพยุงฉัน ฉันถึงได้ไม่ตก
“ไม่” ฉันอธิบายลวกๆ “ที่ฉันอยากรู้เรื่องพวกเขาสองคนก็เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่คั้นกลางระหว่างพวกเขา แต่สีชิงชวนก็ไม่ยอมให้ฉันหย่ากับเขา ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่เหมือนกัน”
“เซียวเซิง คุณรู้ไหมว่าอะไรที่ทำให้จิตใจของคนเราขึ้นๆ ลงๆ เหมือนกับรถไฟเหาะ?”
ฉันส่ายศีรษะ
“ความรักไงล่ะ ไม่มีความรู้สึกไหนที่มีพลังวิเศษแบบนี้เหมือนความรัก มันทำให้เราอยากร้องไห้ก็ร้องไห้ อยากหัวเราะก็หัวเราะได้”
“ไม่ใช่แบบนั้น” ฉันรีบโบกมือพลันอธิบาย “ฉันยอมรับว่าตอนนี้ฉันไม่ได้เกลียดสีชิงชวนเท่าเมื่อก่อนแล้ว แต่นายก็รู้นี่ว่าช่วงนี้ฉันไปสร้างปัญหาไว้ใหญ่โตขนาดนั้น ฉันรู้สึกผิดต่อนายกับสีชิงชวนมากเลยนะ…”
ฉันอธิบายมั่วไปหมด ส่วนป๋ออวี่เพียงแค่มองฉันอยู่แบบนั้น
อธิบายหมดแล้ว แม้แต่ตัวเองยังรู้สึกอายเลย
ฉันเงียบแล้วมองเขา ในที่สุดเขาก็พยักหน้าถือว่ายอมรับในสิ่งที่ฉันพูดแล้ว “เรื่องราวความรักระหว่างคุณสีกับคุณเซียวผมรู้หมดทุกอย่างตั้งแต่เริ่มจนจบ”
เขายื่นน้ำอุ่นให้กับฉัน ฉันขอบคุณแล้วพลางจิบน้ำพลางฟังเขาพูด
“พวกเขาเจอกันในงานเลี้ยงสังสรรค์งานหนึ่ง ผ่านไปไม่นานก็คบหาดูใจกัน คุณเซียวน่าจะเป็นแฟนจริงๆ คนแรกคนเดียวของคุณสี พวกเขาไปร้านอาหารอะไร ดูหนังเรื่องอะไรก็ผมเป็นคนตัดสินใจให้”
“ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีมากเลยเหรอ?”
ป๋ออวี่ครุ่นคิดอย่างจริงจัง ผ่านไปครู่หนึ่งถึงจะตอบฉัน “คุณสีเป็นคนที่ไม่แสดงความรู้สึกนึกคิดของเขาออกมาภายนอก ผมเลยไม่รู้ว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อคุณเซียวนั้นจริงไหม แต่ก็สามารถดูออกได้ว่าน่าจะมองว่าคุณเซียวเป็นคนรักที่เขาอยากแต่งงานด้วย”
“งั้นที่จู่ๆ เซียวซือก็ถอนงานหมั้นล่ะ เขาเป็นยังไงบ้าง?”
“สีซื่อกรุ๊ปในตอนนั้นมีโปรเจ็คใหญ่โปรเจ็คหนึ่งที่กำลังทำอยู่ คุณสีกับผมคอยยุ่งกับแต่เรื่องนี้ บอกตามตรงผมไม่เห็นว่าคุณสีจะเปลี่ยนไปมากเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามความรักของเขาสองคนเป็นความรักแบบครึ่งๆ กลางๆ พวกเขาจะไปเดตกันหนึ่งถึงสองครั้งต่อสัปดาห์ คุณสีจะให้ผมเป็นคนจองร้านอาหารให้ทุกครั้ง”
“ให้นายเป็นคนจอง? แล้วเขาไม่จองเหรอ?”
“จะเป็นไปได้ยังไงครับ?” ป๋ออวี่หัวเราะ “ไม่ว่าคุณสีจะไปกินข้าวกับใคร เขาไม่มีทางสนใจเรื่องยิบย่อยแบบนี้แน่นอน”
จริงเหรอ?
แต่ฉันจำได้ว่าตอนที่ฉันสั่งอาหารเดลี่เวอรี่กับเขาหรืออะไรสักอย่าง เขาคอยชี้นู้นสั่งนี่ตลอดเลยนะ
“จากนั้นล่ะ?”
“จากนั้น?” ป๋ออวี่งุนงง “ยังมีเรื่องอะไรอีก?”
“หลังจากที่เซียวซือหายตัวไป สีชิงชวนก็ไม่เคยเสียใจเลยเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...