พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 217

“ทำไมถึงต้องอยากกินโจ๊กไหม้ๆ ด้วยล่ะ สั่งอีกก็ได้นี่”

“ประเด็นคือมันก็ไม่ได้กินยากขนาดนั้น แถมยังมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์อีกด้วย คุณได้กลิ่นไหม? ”

ถ้าเขาไม่ทานงั้นฉันทานเองก็ได้ ก็เขาโตมากับเสื้อผ้าสวยๆ อาหารดีๆ นี่นะ แน่นอนว่าคุณแม่ของฉันก็ไม่เคยปล่อยให้ฉันอดอยากเหมือนกัน แต่มันก็เห็นๆ กันอยู่ว่ามันยังทานได้ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องสิ้นเปลือง

“ยัยเซ่อเบธ” ฉันเอ่ยเรียกเซ่อเบธ สีชิงชวนหยิบชามในมือของฉันไป “กินอันนี้แหละ”

“ก็คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่ามันไหม้? ”

“คุณจะได้ไม่ต้องมาบอกว่าผมเลือกกิน” เขาตักโจ๊กคำใหญ่เข้าปากไป

เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของเขาดูไม่เลวเลย ฉันจึงคีบเครื่องเคียงที่ฉันทำให้เขา “ลองชิมดูสิ ลองดูว่ากินได้ไหม”

“ผมมีทางเลือกอื่นด้วยเหรอ? ” เขาป่วยอยู่ก็จริง แต่ปากกลับไม่เคยยอมใครเลยแม้แต่นิดเดียว

ฉันคิดเอาเองว่ารสชาติมันน่าจะใช้ได้เลย เขาทานไปได้สองสามคำก็หมดไปครึ่งจานแล้ว

“อร่อยใช่ไหมล่ะ? ”

“การรับรู้รสชาติของคุณมันแย่เกินไป” เขาทานอาหารที่ฉันทำเข้าไปคำใหญ่ แต่ก็ยังคงปากแข็งอยู่ดี ในเมื่อเขาป่วยอยู่ งั้นฉันจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเขาละกัน

พวกเราสองคนทานโจ๊กไหม้ๆ หม้อนั้นและเครื่องเคียงทั้งหมดนั้นจนหมด

“ฉันนึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าขนาดคุณไข้สูงแบบนี้ แต่ก็ยังจะเจริญอาหารมากขนาดนี้อยู่อีก”

เขาเอนตัวพิงพนักเตียงและหรี่ตาลง “ช่วยโทรหาป๋ออวี่ให้ผมหน่อย ให้เขาติดต่อผู้จัดการฟ่านและคนอื่นๆ ให้มาประชุมที่นี่”

“คุณยังป่วยอยู่ จะประชุมอะไรอีก? ”

“ผมป่วยแล้วสีซื่อกรุ๊ปจะไม่ต้องทำงานเหรอ? ”

“ก็ยังมีพี่ใหญ่กับพี่รองอยู่ไม่ใช่เหรอไง? ”

“งั้นผมเอาตำแหน่งให้พวกเขาไปเลยก็ได้ ถ้าทำแบบนั้นผมก็ไม่ต้องเข้าไปบริหารแล้ว”

สีชิงชวนช่างเข้ากับคนยากเสียจริงๆ เพราะเห็นแก่ที่เขาป่วยหรอกนะฉันถึงยอมโทรหาป๋ออวี่ให้เขา ป๋ออวี่ไม่แปลกใจเลยแม้แต่นิดเดียว คาดว่าเขาน่าจะชินกับการที่สีชิงชวนเป็นแบบนี้แล้ว

เวลาบ่ายสาม คนของสีซื่อกรุ๊ปกลุ่มหนึ่งเข้ามาประชุมกับสีชิงชวน ฉันลองนับดูแล้วมีประมาณสิบกว่าคน ฉันจึงถามยัยเซ่อเบธว่าที่บ้านวางชาไว้ตรงไหน ฉันจะชงชาให้พวกเขา

สีชิงชวนที่อยู่ด้านในห้องน่าจะได้ยินเข้า เขาจึงเอ่ยเหน็บแนมบรรดาพนักงานระดับสูง “ต้องให้ภรรยาของผมยกชาร้อนๆ มายื่นให้ถึงมือของพวกคุณทีละแก้วๆ เลยไหม? ”

ผู้จัดการฟ่านที่ยืนอยู่หน้าประตู รีบวิ่งออกมาพูดกับฉันทันที “คุณนายสี ไม่ต้องครับๆ พวกผมไม่ดื่มชาครับ”

ดูสีชิงชวนทำเข้าสิ ทำคนตกใจกลัวกันไปหมดแล้ว คนที่มาเป็นแขกนะ ต้องมีมารยาทหน่อยสิ

“ไม่เป็นไรค่ะ พวกคุณก็ประชุมกันไป ฉันจะอบคุกกี้รอ”

“ไม่ต้องลำบากหรอกครับ พวกเราไม่รบกวนคุณนายสีดีกว่าครับ” ทุกคนพากันวิ่งออกมาพูดกับฉัน เสียงที่ดังต่อเนื่องกันเป็นระลอกๆ ฟังดูคึกคักเป็นอย่างมาก

ดูจากความหวาดกลัวบนใบหน้าของพวกเขาแล้ว มองดูก็รู้แล้วว่าพวกเขาถูกสีชิงชวนทารุณอยู่บ่อยครั้ง

ฉันเอ่ยว่า “พวกคุณไปประชุมเถอะค่ะ ฉันจะชงชาแล้วให้ยัยเบธยกขึ้นมาเสิร์ฟให้พวกคุณ”

ฉันเดินลงมาชงชาและอบคุกกี้ข้างล่าง

ในห้องครัวของสีชิงชวนมีสิ่งของครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเตาอบหรือแม่พิมพ์ก็มีพร้อมทุกอย่าง ทำเอาฉันเห็นแล้วรู้สึกคันไม้คันมือมาก

ฉันชอบทำของพวกนี้มาก เพียงแต่มันไม่มีสถานที่ให้ฉันทำเลย

มีครั้งหนึ่งที่ทางโรงเรียนจัดตลาดเพื่อการกุศลขึ้น ฉันอยากขายพวกเค้กชิ้นเล็กๆ หรือพวกคุกกี้ที่ตัวเองทำ ประจวบกับที่ครั้งนั้นแม่เลี้ยงไม่อยู่บ้านพอดี อาฝูที่เป็นคนดูแลฉันมาตลอด จึงยอมให้ฉันไปทำขนมในห้องครัว

ปรากฏว่าเซียวหลิงหลิงกลับมา และบอกว่าฉันเข้าไปขโมยของกินในห้องครัว จากนั้นก็บอกว่าฉันยุ่งกับวัตถุดิบของพวกเขา บอกว่าฉันวางยาในอาหาร

สรุปก็คือเซียวหลิงหลิงมักจะเอาแต่กวนฉันอย่างไม่มีเหตุผลอยู่ตลอดเวลา พอดีกับที่ช่วงหลายวันนั้นคุณพ่อออกไปทำงานนอกสถานที่และไม่อยู่บ้าน เธอก็เลยเอาแต่พยายามกลั่นแกล้งฉัน จนสุดท้ายตลาดเพื่อการกุศลในครั้งนั้นฉันก็ไม่ได้เอาอะไรไปขายเลย อาฝูเห็นฉันน่าสงสารก็เลยเอาคุกกี้ที่เธอทำเองมาให้ฉันเอาไปขายกล่องหนึ่ง แต่เซียวหลิงหลิงก็แฉฉันในงาน บอกว่าฉันทำผิดกฎ

ช่วงเวลาในวัยเยาว์ของฉันทั้งหมดล้วนเป็นฉากที่ถูกตบตีพ่ายแพ้ยับเยินแบบนี้ตลอด ดังนั้นในความรู้สึกของฉัน ไม่มีใครที่จะมาทำดีกับฉันโดยไม่มีเหตุผล

มีแค่คุณพ่อ คุณแม่ และเฉียวอี้เท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)