ตอนที่ 22 ผลรายงานการยืนยันออกมาเมื่อไหร่คุณค่อยมาอีกที – ตอนที่ต้องอ่านของ พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
ตอนนี้ของ พ่ายรักเมียในนาม(จบ) โดย Chompoo Prateung ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 22 ผลรายงานการยืนยันออกมาเมื่อไหร่คุณค่อยมาอีกที จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เฉียวอี้นั่งรถกลับมาบ้านพร้อมฉัน ในห้องรับแขกเอิกเกริกวุ่นวายมาก
พี่สาวคนโตร้องให้ฟูมฟายกับแม่เลี้ยง “แม่จะมาด่าทอหนูทำไม เรื่องที่ไม่ได้บริจาคเลือดให้พ่อ ต่อให้ฉันบริจาคไปก็คงช่วยชีวิตไว้ไม่ได้อยู่ดี จู่ๆเขาอยากไปก็ไป แม้กระทั่งพินัยกรรมก็ไม่ได้เขียนไว้”
“หนูหุบปากเสียเถอะ!” แม่เลี้ยงดุด่าเธอ
“แม่ด่าหนูไปก็ไม่มีประโยชน์ หนูจะมีปัญญาช่วยอะไรได้ล่ะ” พี่สาวคนโตร้องให้ไม่หยุด จนทำให้คนที่ร้องให้อยู่อารมณ์เสียตามๆกัน
ฉันไม่เจอเซียวซือในห้องรับแขกเลย ทั้งๆที่เฉียวอี้ตามหาจนทั่วแล้ว “เซียวซือบอกว่าเธอปวดหัวจึงขอไปนอนพักอยู่ชั้นบน สามีของคุณก็อยู่เป็นเพื่อนเธอ”
ฉันยิ้มเจื่อนๆ เดินไปหาพ่อบ้าน
พ่อบ้านน้ำตานองหน้า จับมือฉันร้องให้สะอึกสะอื้น “คุณหนูสาม คุณท่านจากไปอย่างกระทันหัน ทำไงดีครับ เป็นเช่นนี้ช้าเร็วตระกูลเซียวคงต้องสิ้นสลายลงเป็นแน่”
“อาอู๋” มือของฉันสั่นเครืออยู่ในฝ่ามือเหี่ยวย่นของเขา “ต้องจัดเตรียมห้องไว้ทุกข์ขึ้นมาเสียก่อน แล้วค่อยประกาศข่าวออกไป จากนั้นก็ค่อยจองชุดไว้อาลัย”
ในบ้านเอิกเกริกวุ่นวายเป็นอย่างมาก พี่สาวคนโตไม่เอาการเอางาน พี่เขยคนโตนั่งเล่นเกมส์อยู่ในซอกหลืบของบ้าน แม่เลี้ยงเอาแต่ร้องให้สะอื้น ส่วนเซียวซือนอนพักอยู่ชั้นบน มีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องจัดการธุระทั้งหมดนี้
โชคดีที่มีเฉียวอี้คอยช่วย เธอโทรศัพท์ไปให้ศูนย์ฌาปนกิจเพื่อจับจองสถานที่เพื่อใช้ในการประกอบพิธีงานศพ ประจวบเหมาะแม่ชีที่จะทำพิธีมาพอดี เดี๋ยวฉันไปเชิญพวกเขาเข้ามา
ตอนที่แม่เสียฉันอายุสิบหกปีแล้ว ขั้นตอนทุกอย่างฉันกับพ่อเป็นคนจัดการทั้งหมด ฉันจำได้อย่างแม่นยำ
แต่นึกไม่ถึงว่าอีกเจ็ดปีต่อมาฉันจะต้องมาจัดงานศพของพ่อด้วยมือของฉันเอง
ผ่านไปสักพัก ห้องไว้ทุกข์ก็ทำพิธีเสร็จสรรพ ฉันหยิบอัลบั้มรูปให้แม่เลี้ยงดูว่าจะเลือกรูปไหนตั้งเป็นป้ายอัฐิ
เธอหยิบมาเปิดดูทีละหน้า จากนั้นก็ได้เอ่ยถามขึ้นว่า “หนูคิดว่าภาพไหนดี?”
“ภาพนี้ดีค่ะ!” ฉันชี้ไปที่หนึ่งในภาพเหล่านั้น “นี่เป็นภาพที่ถ่ายในวันเกิด ซึ่งถ่ายไว้ดีมาก”
แม่เลี้ยงดูสักพัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามอง
สายตาของเธอแปลกประหลาด อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นยังไง
“เซียวเซิง คุณฉลาดเลือกจริงๆ
ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่แม่เลี้ยงพูด จึงชำเลืองมองเธออย่างงุนงง
เธอเม้มปากกล่าวต่อว่า “พ่อของคุณจากไปอย่างกระทันหัน ทุกคนต่างยุ่งวุ่นวาย คนใจเย็นอย่างเซียวซือยังทำใจไม่ได้เลย มีแค่หนูที่ยังมีอารมณ์มาจัดการเรื่องพวกนี้ คนนอกเห็นอาจจะคิดได้ว่าหนูเป็นเสาหลักของบ้านซะอีก แต่จริงๆแล้วหาเป็นเช่นนี้ไม่”
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่มีวันไหนเลยที่แม่เลี้ยงไม่พูดแดกดัน ซึ่งฉันก็คุ้นชินกับมันเสียแล้ว เพียงแต่ว่าคำพูดเหน็บแนมในวันนี้ไร้เหตุผลสิ้นดี
ฉันสูดหายใจเข้าอย่างลึก พร้อมกับเอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบา “ยังไงแล้วงานศพของพ่อก็ต้องมีคนจัดงาน”
“หนูเป็นลูกของพ่อคุณไหมก็ยังไม่แน่” แม่เลี้ยงหัวเราะเยาะใส่
“คุณน้า คุณ...” ยังไม่ทันพูดจบประโยคแรก ก็รู้สึกเจ็บตรงศีรษะขึ้นมา พอหันกลับไปมองเห็นพี่สาวคนโตดึงผมฉันหลุดไปเส้นหนึ่ง เธอยืนขยำเส้นผมพร้อมกับหัวเราะอย่างสะใจอยู่ทางด้านหลัง
“เซียวเซิง น้องจะสืบสกุลเซียวต่อไหมนั้นยังต้องดูโชคชะตา”
“พี่สาว พี่ทำอะไรน่ะ?” ฉันลูบหนังศรีษะที่เธอดึงเส้นผมออก
“น้องกับพ่อกรุ๊ปเลือดไม่ตรงกัน พี่จะไปตรวจดีเอ็นเอให้รู้แน่ชัดไปเลย อย่าคิดว่าได้จัดการสะสางธุระที่นี่แล้วจะกลายเป็นคนของครอบครัวตระกูลเซียว บางทีคุณอาจจะเป็นแค่ลูกที่เก็บมาเลี้ยงก็เป็นได้” พี่สาวพูดจาไม่เพราะมาแต่ไหนแต่ไร แม่เลี้ยงมักจะรักเกียจเธอ เพราะคิดว่าเธอไม่คู่ควรกับบ้านหลังนี้
ช่วงจังหวะที่ฉันเงยหน้าขึ้น เห็นสีชิงชวนกำลังยืนอยู่บนราวจับชั้นสองชำเลืองมองมาที่ฉัน ฉันมองไม่ออกว่าสีหน้านั้นคืออารมณ์ของการเห็นฉันเป็นตัวตลกไหม แต่ดูท่าทีของเขาแล้วเหมือนคิดจะไม่ช่วยฉัน
เขาเกลียดฉัน ฉันก็รู้
ฉันลุกขึ้นเม้มปาก “ต่อให้พวกคุณสงสัยในตัวฉัน แต่ในขณะที่ผลการตรวจยังไม่ออก ฉันก็ยังเป็นลูกสาวของคุณพ่อดังเดิม เขาให้กำเนิดและคลอดฉันมา ฉะนั้นฉันจึงมีหน้าที่จัดงานศพให้ แม้ว่าวันนี้พวกคุณจะลากหรือโยนฉันออกไป แต่ยังไงฉันก็จะกลับมาอยู่ดี!”
แม่เลี้ยงจับจ้องมาที่ฉันด้วยความประหลาดใจ เพราะน้อยครั้งมากที่ฉันจะต่อต้านเธอแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน เพราะโดยปกติแล้ว ฉันมักจะขี้ขลาดอยู่เสมอ
อันที่จริงฉันไม่ได้ขี้ขลาด เป็นเพราะคุณพ่อพาฉันกลับมาก็ได้สร้างแรงกดดันให้ฉันมากพอแล้ว ฉันไม่อยากจะสร้างความวุ่นวายโกลาหลในบ้านอีก ดังนั้นไม่ว่าแม่เลี้ยงจะพูดเช่นไร ฉันก็ไม่คิดจะเก็บมาใส่ใจ
แม่เลี้ยงชะงักไปชั่วขณะก่อนจะตบโต๊ะ “เซียวเซิง หนูกล้ามากเลยนะ พ่อของหนูเพิ่งเสียไปหนูก็เริ่มเหิมเกริมแล้วหรือ? อาอู๋ คุณไม่ไปจูงหมามาใช่ไหม? ได้ งั้นให้อาติงไปจูงมา พี่สวี คุณไปหาอาติง บอกให้เขาจูงหมามา!”
ฉันยืนกราน และเกิดความคิดดื้อดึงขึ้นมาในหัว ต่อให้วันนี้ฉันจะโดนหมาพันธ์เยอรมันเชพเพิร์ดกัดจนตาย ฉันก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น
พี่สวีไปเรียกคนมาอย่างลังเลใจ เฉียวอี้ประคองฉันไว้ เธอโกรธกริ้วจนควบคุมสติอารมณ์ไว้ไม่ได้
มีเสียงเท้าเดินบนบันได แต่ฉันไม่ได้เงยหน้าไปมอง เห็นขาเรียวยาวของสีชิงชวนลางๆชะงักตรงหน้าฉัน
เขากำลังคุยกับแม่เลี้ยง “คุณน้า เซียวซือไม่ค่อยสบาย คืนนี้เธอคงเฝ้าศพไม่ได้แล้ว งั้นให้พี่สาวกับพี่เขยมาเฝ้าแทนเถอะ!”
“วุ้ย ฉันไม่ไหวหรอก ประจำเดือนฉันมาหน่ะ” พี่สาวลุกลี้ลุกลนราวกับจะเอาชีวิตเธอยังไงยังงั้นเลย “เสวียเหวินต้องทำงานพรุ่งนี้ จะอดตาหลับขับตานอนไม่ได้”
“งั้น ดูท่าน่าจะมีแค่ผมและเซียวเซิงเพียงสองคนเท่านั้น”
สิ่งที่สีชิงชวนพูดไม่รู้ว่าพูดช่วยฉันหรือเปล่า แต่แม่เลี้ยงไม่เคยหักหน้าสีชิงชวน น้ำเสียงของเธออ่อนโยนกว่าเดิมเยอะเลย “ชิงชวน ในเมื่อคุณตั้งใจ งั้นวันนี้ก็ฝากด้วยนะ หลิงหลิง คืนพรุ่งนี้ก็ถึงตาคุณกับเสวียเหวินเฝ้านะ ไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้นทั้งนั้น!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...