นับว่าสีชิงชวนไม่ดุเท่าไหร่ ทั้งยังเผยรอยยิ้มเบาๆตรงมุมปาก
ทว่าพนักงานต้อนรับหน้าเคาน์เตอร์ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ผมมองออกว่ามุมปากของเธอกำลังสั่น
“ทะ ท่านประธาน” เธอพูดเสียงแผ่วเบา
“อ้อ ท่านประธาน ฉันนึกว่าบริษัทพวกคุณต่างจากบริษัทอื่น ทำไมผมเจอคุณหรือไม่ก็เซียวซือแล้วถึงกับต้องโค้งคำนับถึง 90 องศา พอเห็นท่านประธานของพวกคุณไม่แม้แต่จะลุกขึ้นยืนล่ะ?”
พนักงานต้อนรับหน้าเคาน์เตอร์ตกใจเสียจนใบหน้าซีดเซียว มือทั้งสองจิกเคาน์เตอร์จนปลายนิ้วขาวซีดเพราะใช้แรงเยอะเกินไป “เอิ่ม ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ท่านประธานเธอ”
ทันใดนั้นเอง หัวหน้าแผนกต้อนรับหน้าเตอร์ก็เดินมาไกล่เกลี่ย “เป็นแบบนี้ค่ะ คุณสี อาจจะเป็นเพราะเมื่อครู่พวกเรายุ่งอยู่ อีกทั้งประธานเซียวเป็นกันเองเข้าหาง่ายไม่สนใจเรื่องพวกนี้”
“เธอเป็นคนดี พวกคุณก็เลยไม่เห็นหัวเธอแล้วงั้นเหรอ?” สีชิงชวนกำลังหัวเราะเยาะ ในขณะที่เขาหัวเราะเยาะอยู่นั้น ลำแสงเย็นยะเยือกในดวงตาก็ได้ส่องประกายออกมา หัวหน้าเองก็รับมือไม่ไหวเช่นกัน ก้มหน้าหลบสายตาของเขา “บางครั้งเราอาจจะยุ่งอยู่ก็ได้ค่ะ”
“ตอนที่เรามา เห็นเธอใจลอย นี่ก็ถือว่ายุ่งอยู่งั้นเหรอ?” สีชิงชวนหันหน้ากลับมามอง “ เซียวเซิง พนักงานแบบนี้ยังจะเก็บไว้ทำไมอีก?”
ฟังจากน้ำเสียงของสีชิงชวนเหมือนจะไล่พวกเธอออกเลย?
ฉันคิดว่าไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น เวลานี้เลขาหร่วนหลิงของฉันมาทำงานแล้ว ฉันจึงโบกมือเรียกเธอ เธอก็รีบวิ่งมาในทันที “ท่านประธาน คุ คุณสี?” เธอก็ตกใจเหมือนกัน
“ไปเรียกหัวหน้าแผนก HR มาหน่อย” สีชิงชวนบอกกล่าวหร่วนหลิงไป
หร่วนหลิงมองฉันอย่างงุนงง ฉันไม่อยากให้เรื่องมันใหญ่โตมโหฬาร ทว่าเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ไว้หน้าสีชิงชวนบ้างก็ดี
ฉันเลยพยักหน้าให้หร่วนหลิง เธอก็เลยไปหาหัวหน้าแผนก HR ทันที
พนักงานต้อนรับหน้าเคาน์เตอร์และหัวหน้าก้มหน้าก้มตาราวกับจะไปลานประหาร หัวหน้าแผนก HR วิ่งสับเท้ามาฉับๆ เมื่อเห็นสีชิงชวนศรีษะก็เกือบจะโขกเข้ากับแผ่นกระเบื้อง
“คุณสี”
“ประธานของพวกคุณอยู่ตรงนี้ ควรเรียกเธอก่อนไม่ใช่หรือไง”
“ค่ะ ท่านประธาน” หัวหน้าแผนก HR พยักหน้าหงึกๆราวกับตำกระเทียม “เรื่องอะไรหรือคะ?”
“ตอนรับคนเข้าทำงาน แผนก HR ของพวกคุณมีเงื่อนไขพิเศษไหม?”
“คะ?” หัวหน้าแผนกไม่เข้าใจในสิ่งที่ถาม “อะไรนะคะ?”
“ไม่แหกตาดูบ้างหรือไง?” สีชิงชวนส่งเสียงฟึดฟัด ทุกครั้งที่เขาส่งเสียงฟึดฟัดแสดงว่าเขาเริ่มที่จะไม่พอใจแล้ว
อันที่จริงสำหรับฉันมันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง ไม่เห็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้
บทบัญญัติในการใช้ชีวิตของฉันก็คือการทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ทำเรื่องเล็กให้หมดสิ้นไป
ทว่าสีชิงชวนต่างจากฉัน
“ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่สีชิงชวนพูด”
“แผนก HR เป็นคนรับพนักงานทั้งหมดใช่ไหม?”
“พวกเรากับแผนกทั่วไปเป็นคนรับมาค่ะ”
“ไม่ต้องอบรมงั้นหรือ?”
“บางตำแหน่งเท่านั้นค่ะ”
“แล้วพนักงานเคาน์เตอร์ล่ะ?”
“ต้องอบรมค่ะ”
“อ้อ” จู่ๆสีชิงชวนก็ยกมือขึ้นมาปรบ “ปรบมือให้คุณเลย ผู้จัดการจ้าว บ่มเพาะพนักงานต้อนรับหน้าเคาน์เตอร์ในบริษัทคุณให้เป็นอัจฉริยะทางด้านการไม่มีสัมมาคาราวะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...