เป็นเสียงที่คุ้นเคยมาก เสียงเสียงนี้เป็นเหมือนกำลังสำคัญทางด้านจิตใจที่ฉันพึ่งพิงอาศัยทำให้ตัวเองมีชีวิตรอดต่อไปได้มาโดยตลอด
เป็นเสียงของเฉียวอี้ เฉียวอี้มาแล้วเหรอ?
เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นดวงตาของเฉียวอี้
ดวงตาของเธอในตอนนี้จะพูดยังไงดีละ
โกรธมาก จนใจมาก แต่ก็เต็มไปด้วยความรักด้วยเช่นกัน
บนโลกใบนี้ยังมีคนที่รักฉันอยู่ ยังมีอยู่ด้วยละ
เฉียวอี้จับมือของฉันไว้ จากนั้นก็ออกแรงดึงฉันลุกขึ้นมาจากเก้าอี้
“เซียวเซิง เธอยังมาทำอะไรที่นี่อยู่อีก? คืนนี้เธอไม่ควรมาด้วยซ้ำ พวกเรากลับกันเถอะ”
ฉันเดินตามเธอไปอย่างมึนงง ในตอนนั้นเองก็มีคนเข้ามาดื่มเหล้าแสดงความยินดี เฉียวอี้ยืนขวางอยู่ด้านหน้าของฉัน เธอออกแรงผลักแก้วเหล้าใบนั้นที่แทบจะยื่นมาถึงใต้ปลายจมูกของฉันแล้ว
“พวกคุณแต่ละคนต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนหน่อยนะ ถึงเซียวเซิงจะไม่ได้เป็นประธานของบริษัทเซียวซื่อกรุ๊ปอีกต่อไปแล้ว แต่เธอก็ยังเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของเซียวซื่อกรุ๊ปทั้งหมดอยู่ เธอยังคงกุมเส้นชีวิตเศรษฐกิจของเซียวซื่อกรุ๊ปเอาไว้อยู่ แล้วไหนจะยังมีหุ้นอีกสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่พ่อบุญธรรมแบ่งสันออกไปอีก พวกคุณรู้เหรอว่าสุดท้ายแล้วมันจะไปตกอยู่ที่ใคร? ยังไม่แน่นอนเลยว่าใครจะเป็นผู้ชนะที่ได้ยิ้มไปจนถึงตอนสุดท้าย ฉันขอแนะนำเลยนะว่าตอนนี้พวกคุณเก็บหน้าตาอัปลักษณ์ๆ ของพวกคุณไปก่อนดีกว่านะ พิจารณาและประเมินการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ รัดเข็มขัดของพวกคุณไว้ให้แน่นและใช้ชีวิตให้ดีๆ ทุ่มเทปรนนิบัติรับใช้เซียวเซิงของพวกเรา แล้วหลังจากนี้ไปจะมีน้ำแกงข้นๆ แบ่งให้พวกคุณคนละถ้วย”
ฉันหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง ฉันไม่รู้ว่าคำพูดนี้ของเฉียวอี้ทุบเข้าที่หัวของพวกเขาจนเงยหัวไม่ขึ้นเลยหรือเปล่า
เฉียวอี้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาทางด้านจิตใจของเขา เธอเกิดมาเพื่อทานข้าวชามนี้จริงๆ
ถ้าฉันเข้มแข็งได้สักหนึ่งในสามของเธอ ก็คงไม่มีทางตกอยู่ในสภาพอย่างวันนี้
สุดท้ายฉันก็ถูกเฉียวอี้โอบไหล่พาเดินออกมาจากโรงแรม หร่วนหลิงยืนรอพวกเราอยู่ที่หน้าประตู ฉันคิดว่าน่าจะเป็นหร่วนหลิงที่โทรหาเฉียวอี้และขอให้เธอมาที่นี่
แม้แต่หร่วนหลิงก็ทนเห็นฉันถูกคนพูดเหน็บแนมฉีกหน้าไปจนถึงดูถูกเหยียดหยามอยู่ที่นี่ไม่ได้ น่าแปลกมาก คนอื่นทนไม่ได้ แต่ฉันเองกลับทนได้
เฉียวอี้ส่งมือของฉันให้หร่วนหลิง “คุณพาเธอไปรอฉันที่รถของฉันก่อน เดี๋ยวฉันมา”
“เฉียวอี้ เธอจะไปไหน? ” ฉันถามเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
เฉียวอี้หันกลับมามองแวบหนึ่ง จากนั้นก็วิ่งออกไปด้วยความรวดเร็ว
ฉันคิดว่าฉันน่าจะเดาได้ว่าเฉียวอี้ไปทำอะไร เธอต้องไปต่อว่าสีชิงชวนอย่างแน่นอน
จริงๆ แล้วเธอไม่จำเป็นต้องไปหาสีชิงชวนก็ได้ และไม่จำเป็นต้องสนใจว่าเธอจะต่อว่าสีชิงชวนได้หรือไม่
ต่อให้เธอจะด่าสีชิงชวนไปที แล้วมันยังไงล่ะ?
เธอก็ไม่มีทางเปลี่ยนการดูถูกเหยียดหยามของสีชิงชวนที่มีผลต่อส่วนลึกในใจของฉันได้
หร่วนหลิงประคองฉันขึ้นไปบนรถ วันนี้เฉียวอี้ขับรถสปอร์ตมา ปกติแล้วเธอขับรถสปอร์ตน้อยครั้งมาก
ในช่วงหลายวันนี้การขับรถสปอร์ตไปที่เฉียวกรุ๊ปไม่ค่อยสะดวกนัก เป็นไปได้ว่าวันนี้เธอต้องรีบมาที่นี่ด้วยความร้อนรนแน่ๆ ถึงได้ขับรถคันแรงของเธอมา
หร่วนหลิงของพวกเรายืนอยู่ด้านนอกรถ จากนั้นก็ยื่นน้ำขวดใหญ่มาให้ฉัน “บอสดื่มให้หมดเลยนะคะ”
“ไม่ต้องเรียกฉันว่าบอสแล้ว” ถึงแม้ฉันจะเมาเล็กน้อย แต่หูก็ยังดีอยู่ สติก็ยังครบถ้วน “เรียกฉันว่าเซียวเซิงเถอะ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...