พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 30

สรุปบท ตอนที่ 30 ไม่ร้องไห้ ไม่ได้แปลว่าฉันไม่เสียใจ: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 30 ไม่ร้องไห้ ไม่ได้แปลว่าฉันไม่เสียใจ – พ่ายรักเมียในนาม(จบ) โดย Chompoo Prateung

บท ตอนที่ 30 ไม่ร้องไห้ ไม่ได้แปลว่าฉันไม่เสียใจ ของ พ่ายรักเมียในนาม(จบ) ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Chompoo Prateung อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

งานศพของคุณพ่อจบลงแล้ว ฉากหน้าดูยิ่งใหญ่มาก แต่ฉันกลับรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับซากศพที่เดินได้ไปแล้ว ความปลื้มใจเพียงอย่างเดียวของฉันก็คือการได้ถือรูปของคุณพ่อ การทำแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกใกล้ชิดกับเขาขึ้นมาบ้าง

ฉันและสีชิงชวนไม่ได้พูดคุยกันตลอดงานพิธี ส่วนครอบครัวของแม่เลี้ยงก็ไม่ได้สนใจฉันเลยสักนิด ทำให้เหมือนว่าฉันเป็นแค่คนนอก

ฉันจมดิ่งอยู่ในโลกของตัวเอง ทุกๆ คนต่างก็ร้องไห้อย่างพร้อมเพรียงกัน เซียวหลิงหลิงกับแม่เลี้ยงแย่งกันเป็นลมล้มไป

แม่เลี้ยงคงจะรู้สึกเจ็บปวดใจมากจริงๆ แต่เซียวหลิงหลิงมีความเป็นไปได้ว่าจะเสแสร้งมากเกินไป

เซียวซือเองก็รู้สึกเสียใจมากและเอาแต่ร้องไห้ตลอด โดยมีสีชิงชวนอยู่ข้างกายเธอเรื่อยมา

เฉียวอี้ร้องไห้ข้างตัวฉันไปพร้อมกับพูดแขวะว่า “สีชิงชวนนี่เป็นผู้ชายประเภทไหนกัน เมื่อคืนยังหลงใหลในร่างกายของเธอมากขนาดนั้นอยู่เลย แต่พออยู่ต่อหน้าทุกคนวันนี้กลับไม่สนใจภรรยาของตัวเองเลยสักนิด คิดไม่ถึงเลยว่าจะไปอยู่เคียงข้างเซียวซือซะได้”

เธอร้องไห้อย่างคลุมเครือไม่ชัดเจน แต่ตัวฉันกลับไม่ได้นึกสนใจมากขนาดนั้น

เพียงแต่ตัวฉันยังคงไม่หลั่งน้ำตาออกมา

ฉันคนนี้เป็นคนที่แปลกมาก ในตอนที่ทุกคนต่างก็ร้องไห้ออกมา แต่ตัวฉันกลับร้องไห้ไม่ออก

ลึกๆ ในใจเห็นอยู่ชัดๆ ว่ามีน้ำตาอยู่มากมาย อาจเป็นเพราะมันอัดแน่นเกินไป ก็เลยหาทางออกมาไม่ได้

เดิมทีความเจ็บปวดไม่ได้มีไว้เพื่อแสดงให้คนอื่นเห็น

ในตอนที่ฉันรอรับเถ้ากระดูกของคุณพ่อนั้น ก็ได้ยินผู้หญิงหลายคำกำลังจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ฉัน “เห็นแล้วรึยัง คนที่ไม่หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียวตลอดงานพิธีคนนั้นก็คือลูกสาวนอกสมรสของเซียวหยวน ลูกสาวของเมียน้อยนี่ช่างใจร้ายจริงๆ เซียวหยวนปฏิบัติกับเธออย่างดี ไม่ได้แย่กว่าลูกสาวอีกสองคนเลยแท้ๆ”

“ลูกสาวแท้ๆ ก็ต้องไม่แย่อยู่แล้ว”

“มันก็ไม่แน่นะ ได้ยินแล้วรึยัง ตอนที่เซียวหยวนต้องการรับบริจาคเลือดจากครอบครัว ลูกสาวทุกคนให้ได้หมด ยกเว้นเธอ”

“ได้ยินมาว่าเลือดของลูกสาวกับพ่อไม่ตรงกันด้วยแหละ”

“แต่นั่นก็หมายความว่าพวกเขาไม่ใช่พ่อลูกกันจริงๆ น่ะสิ”

“พระเจ้า นี่ก็หมายความว่าเซียวหยวนเลี้ยงลูกให้คนอื่นเหรอ?”

“แล้วไม่ใช่รึไง อาจจะต้องแบ่งสมบัติของตระกูลเซียวให้ด้วยนะ!”

เพราะว่าฉันต้องรอเถ้ากระดูกจึงไม่อาจเดินสุ่มสี่สุ่มห้าได้ ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่อยากฟังคำพูดเหลวไหลพวกนี้เลยจริงๆ

เฉียวอี้อดทนไม่ไหวลุกขึ้นมาด้วยความโมโห ฉันดึงเธอเอาไว้ไม่ทัน ก่อนที่เธอจะพุ่งเข้าไปตรงหน้าของผู้หญิงพวกนั้น “ผู้หญิงปากมากอย่างพวกคุณวันๆ นอกจากเล่นไพ่นกกระจอก ใช้เงินสามีซื้อของแล้ว ก็มีแต่พูดนินทาลับหลังคนอื่น บอกตามตรงนะ ก่อนหน้านี้พวกคุณก็คงจะเห็นหมดแล้วล่ะสิ? ระวังฉันจะฟ้องหมิ่นประมาทพวกคุณ!”

เฉียวอี้เป็นคนรูปร่างสูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร วันนี้เธอสวมชุดสูทสีดำหูกระต่ายตลอดทั้งตัว ทั้งยังมีนิสัยรักความยุติธรรมมาก ดูแล้วไม่ควรจะมีเรื่องด้วย

กลุ่มคุณนายพวกนั้นมองดูเธอด้วยสายตาที่ระมัดระวัง “ชิ ตระกูลเฉียว”

“ฉันขอเตือนพวกคุณเอาไว้ ถ้าพวกคุณยังพูดจาเหลวไหลอีก ฉันจะตบปากพวกคุณให้ฟันหักเลย!” เฉียวอี้ยกกำปั้นไปทางพวกหล่อน

แน่นอนว่าพวกเธอไม่ได้กลัวเฉียวอี้จะตบปากจนฟันของพวกเธอหักหรอก ประเด็นสำคัญก็คือพ่อของเฉียวอี้เป็นรองประธานหอการค้า เป็นบุคคลที่ร่ำรวยมาก ดังนั้นพวกคุณนายเหล่านั้นจึงพากันสงบปากสงบคำและเดินจากไป

เฉียวอี้เดินกลับมานั่งข้างฉันและยังคงเอ่ยด้วยความโกรธ “จะบอกให้นะ เธออย่าอดทนขนาดนี้เลยจะได้ไหม? พวกหล่อนยิ่งพูดเสียก็ยิ่งดัง พวกเธอแต่ละคนเสียงดังอย่างกับลำโพงพูดทีหนึ่งทุกคนในงานก็ได้ยินกันหมดแล้วไม่ใช่เหรอ? หรือจะให้ฉันเดินไปตบทีละคน”

“ศพของคุณพ่อกำลังเผาอยู่” ฉันเอ่ยอย่างแผ่วเบา “พ่อของฉันถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านแล้ว”

จู่ๆ เฉียวอี้ก็เดินเข้ามากอดฉัน ตัวของเธอสั่นเล็กน้อย

ฉันยังคงสงบนิ่งมากและไม่ได้หลั่งน้ำตาออกมาสักหยด

เพียงแต่ความเจ็บปวดเสียใจภายในใจของฉันได้รวมตัวกันเป็นก้อนน้ำแข็ง แช่แข็งหัวใจฉันไปแล้ว

ฉันมองไปทางสีชิงชวนที่อยู่ด้านข้างอย่างของความช่วยเหลือ “คุณช่วยฉัน...”

ฉันยังพูดไม่ทันจบ สีชิงชวนก็เอ่ยปากว่า “คุณลองถามเฉียวอี้หน่อยว่าวันนี้ได้พกยาชนิดนั้นมาอีกไหม?”

ฉันรู้ดีว่าเขาไม่มีทางช่วยฉัน เขาเผยรอยยิ้มที่เกลียดชังออกมาแวบหนึ่ง แล้วเดินจากไป

เมื่อเดินออกมาจากประตูใหญ่ของสถานที่จัดงานศพแล้ว แสงแดดก็สาดส่องมาทำให้แสบตามาก

ฉันใช้มือบังแดดเอาไว้ เฉียวอี้กางร่มสีดำเหนือศีรษะของฉัน “กลับบ้านไปพักผ่อนให้สบายเถอะ ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว”

“อืม” ฉันกำลังจะเดินขึ้นรถ แต่จู่ๆ ก็มีชายสวมชุดสูทสีดำเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน “คุณเซียวเซิงใช่ไหมครับ?”

“ค่ะ” คนคนนี้ดูคุ้นตามาก เขายื่นนามบัตรของตัวเองให้กับฉัน “ผมคือทนายที่ปรึกษาทางกฎหมายของตระกูลเซียวครับ แล้วก็เป็นทนายความของสำนักงานไห่เหอด้วยครับ ผมแซ่ไห่”

“ค่ะ คุณทนายไห่” มิน่าล่ะฉันถึงได้รู้สึกคุ้นตา ที่แท้ก็เป็นทนายความของพ่อฉัน

“คืออย่างนี้นะครับ ก่อนหน้าที่จะเสียชีวิตคุณเซียวได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ ตอนนี้งานศพของเขาก็เสร็จสิ้นลงแล้ว ผมจึงมาแจ้งพินัยกรรมของเขาครับ”

ฉันอึ้งไปสักพัก คิดไม่ถึงเลยว่าก่อนตายคุณพ่อจะทำพินัยกรรมเอาไว้ด้วย

เขาพยักหน้าให้ฉันอย่างสุภาพ “สะดวกไปที่บ้านของคุณเซียวไหมครับ? ในฐานะที่คุณเป็นผู้รับมรดกจำเป็นต้องไปเข้าร่วมครับ”

ฉันยังไม่ทันจะพูดอะไร เฉียวอี้ก็ช่วยรับปากแทนฉัน “ได้ค่ะ พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้”

ทนายไห่หันหลังเดินกลับขึ้นรถของเขาไป เฉียวอี้บีบมือฉันเบาๆ “ยังมัวอึ้งอะไรอีก ฉันจะไปเป็นเพื่อนเธอเอง จากนั้นฉันจะอยู่บนรถรอเธอ”

“เฉียวอี้” ฉันมองเธออย่างโง่งม “อุบัติเหตุทางรถยนต์ของคุณพ่อเป็นเรื่องไม่คาดคิดมาก่อน แต่ทำไมเขาถึงทำพินัยกรรมเอาไว้ล่วงหน้าล่ะ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)