ในตอนที่พวกเรากลับมาที่บ้านตระกูลเซียว ห้องไว้ทุกข์ก็ได้ถูกรื้อออกหมดแล้ว ห้องโถงก็กลับมาอยู่ในสภาพปกติ
ดูราวกับว่าคุณพ่อยังคงนั่งทำงานและอ่านหนังสืออยู่ในห้องหนังสือ ไม่รู้เลยว่าจะถือถ้วยน้ำชาเดินออกมาจากข้างในตอนไหน
ฉันมองดูห้องหนังสือชั้นบนอย่างเหม่อลอยจนไม่รู้ว่าเลยด้วยซ้ำว่าสีชิงชวนมานั่งอยู่ตรงหน้าฉันตั้งแต่เมื่อไหร่
การที่เขามาอยู่ตอนที่ประกาศพินัยกรรมของครอบครัวเราแบบนี้ดูแปลกมาก แต่ฉันไม่ได้สนใจว่าเขามาอยู่ที่นี่ทำไม
นับตั้งแต่ที่เกิดเรื่องนั้นขึ้นเมื่อวาน เขาก็ไม่มองหน้าฉันแม้แต่นิดเดียวอีกเลย ฉันเองก็ไม่ได้มองเขาเช่นกัน
เมื่อทุกคนนั่งครบแล้ว ทนายยังไม่ทันจะพูดอะไรเซียวหลิงหลิงก็เอ่ยปากขึ้นมาก่อน “น่าแปลกจริงๆ พ่อของฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเขาจะตายกะทันหัน ทำไมถึงต้องทำพินัยกรรมด้วย?”
เซียวซือเงยหน้ามองเธอแวบหนึ่ง “เซียวหลิงหลิงพี่หุบปากจะได้ไหม?”
“ฉันพูดอะไรผิดล่ะ? มีคนดีๆ ที่ไหนอยู่ดีไม่ว่าดีทำพินัยกรรม?”
“เซียวหลิงหลิง” แม่เลี้ยงเอ่ยเสียงเย็นชาถึงทำให้เธอยอมหุบปาก
ฉันก้มหน้าลงและกัดเล็บของตัวเองโดยไม่รู้ตัว จู่ๆ ทนายไห่ก็เอ่ยชื่อฉันขึ้นมาถึงทำให้ฉันได้สติกลับคืนมา เมื่อก้มลงมองดูก็พบว่าฉันได้กัดเล็บของตัวเองจนน่าเกลียดไปหมดแล้ว
ฉันมักจะชอบกัดเล็บบ่อยๆ มันเป็นนิสัยเสียที่แก้ไม่หาย คุณพ่อก็ยังเคยพูดกับฉันอยู่หลายครั้ง บอกว่าเวลาที่ฉันฟุ้งซ่านก็มักจะชอบทำร้ายตัวเองอยู่บ่อยๆ
พอคิดถึงคุณพ่อขึ้นมา ในใจของฉันก็รู้สึกเจ็บปวดหน่วงๆ
ฉันเงยหน้าขึ้น “คุณทนายไห่”
“คุณเซียว คุณฟังอยู่รึเปล่า?”
“ค่ะ” ความจริงแล้วฉันไม่ได้ฟังอยู่ ฉันไม่รู้เลยสักนิดว่าเขาพูดถึงไหนแล้ว
เขาสะบัดเอกสารในมือเล็กน้อย “ผมได้อ่านเกริ่นนำไปหมดแล้ว ตอนนี้จะเริ่มเนื้อหาส่วนที่สำคัญในพินัยกรรมแล้ว”
ฉันรู้สึกได้ว่าบรรยากาศภายในห้องโถงดูเคร่งเครียดขึ้นมาแล้ว เซียวหลิงหลิงนั่งตัวตรง หลังของเธอดูเหมือนแผ่นเหล็กมาก
จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกว่าตัวของเซียวหลิงหลิงเหมือนกับหมึกกระดอง คือไม่มีกระดูก ไม่ว่าไปที่ไหนก็ดูเหมือนไม่มีแรง น้อยครั้งที่จะนั่งตัวตรงได้เหมือนวันนี้
ฉันพยักหน้าเพื่อแสดงให้เห็นว่าฉันกำลังตั้งใจฟังอยู่ ทนายไห่มองฉันด้วยสายตาที่ลึกล้ำแวบหนึ่งก่อนจะเริ่มอ่านต่อ “คฤหาสน์ตระกูลเซียวในปัจจุบันเป็นของผมและเฉิ่งซินหลานภรรยาคนปัจจุบัน หลังจากที่ผมตายให้ยกคฤหาสน์หลังนี้ให้กับเฉิ่งซินหลานภรรยาของผม เธอมีสิทธิที่จะขายหรืออยู่อาศัยได้ ลูกสาวทั้งสามคนของผมมีสิทธิ์ที่จะอยู่อาศัยทุกคน เงินที่ได้จากการขายบ้านและที่ดินเป็นของเฉิ่งซินหลานเพียงผู้เดียว”
คฤหาสน์หลังนี้มีพื้นที่มากพอสมควร ไม่เพียงแต่เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่มีสี่ชั้น ยังมีสวนดอกไม้ที่ใหญ่มากและทะเลสาบส่วนตัว ถ้าหากขายไปจริงๆ คงได้เงินก้อนโต
เพราะว่าที่ดินทั้งหมดเป็นของพ่อฉัน
ฉันเหลือบสายตามองดูแม่เลี้ยง สีหน้าของเธอดูสงบนิ่งมาก แต่มุมปากกลับโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มแสดงให้เห็นว่าเธอพอใจกับการตัดสินใจของคุณพ่อซึ่งนั่นก็ไม่น่าแปลกใจอะไร
ทนายไห่อ่านต่อไปว่า “ผมเป็นผู้ดูแลบริษัท เซียวกรุ๊ป จำกัดมาโดยตลอด เมื่อผมจากไปแล้วหลิ่วจี้ผู้อาวุโสของบริษัทจะดูแลต่อ ลูกสาวคนเล็กเซียวเซิงเรียนจบด้านการเงิน สามารถเข้าทำงานในบริษัท เซียวกรุ๊ป จำกัด โดยให้ลูกเขยของผมเป็นผู้ช่วยเหลือ”
ฉันยังคงก้มหน้า ส่วนสีชิงชวนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ได้ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว ดูเหมือนว่าเขานิ่งไปเสียแล้ว
“ทำไมเซียวเซิงถึงเข้าไปในเซียวซื่อกรุ๊ปได้ ก่อนหน้านี้ฉันอยากจะเข้าไปแต่คุณพ่อก็ไม่อนุญาต ฉันเองก็เรียนจบเกี่ยวกับสาขาด้านการเงินมาเหมือนกัน” เซียวหลิงหลิงพูดแทรกขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...