ทนายไห่พยักหน้าให้พวกเราทุกคนและเดินออกจากคฤหาสน์ไป เซียวหลิงหลิงเริ่มอาละวาดอย่างบ้าคลั่งและฉีกสำเนาเอกสารออกเป็นชิ้นๆ
“หรือว่าคุณพ่อยกหุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ให้เธอตอนที่ยังไม่ได้สติ! เซียวเซิง เธอพอใจแล้วรึยัง? พอใจรึยัง?” เซียวหลิงหลิงร้องตะโกนเสียงดังมาทางฉัน
ตอนนี้ไม่สามารถอยู่ที่นี่นานได้อีกต่อไปแล้ว ฉันก้มลงไปค้นหาลายเซ็นของคุณพ่อฉันในกองสำเนาเอกสารที่ถูกเซียวหลิงหลิงฉีกออกเป็นชิ้นๆ และนำใส่กระเป๋า
ฉันอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับพวกเธอ แต่คิดว่าพวกเธอคงจะไม่ฟังฉันพูด
เซียวซือที่นั่งเงียบมาโดยตลอด จู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืนขึ้น เธอไม่แม้แต่จะมองหน้าฉันสักนิดก็เดินออกไปจากห้องโถง
เซียวหลิงหลิงเป็นบ้าไปแล้ว เธอคิดที่จะกระโจนเข้ามา แค่คาดว่าแม่เลี้ยงคงจะเห็นสีชิงชวนนั่งอยู่ จึงได้ห้ามปรามเธอเอาไว้ ฉันเลยฉวยโอกาสนี้รีบเดินออกจากคฤหาสน์
เมื่อเดินออกมาจากสถานที่ที่วุ่นวายนั้นแล้ว ฉันก็ถอนหายใจลากยาวด้วยความโล่งอก
ฉันกำลังจะเดินไปที่รถเพราะเฉียวอี้รอฉันอยู่บนรถ
ทว่าเสียงของสีชิงชวนก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังซะก่อน “คงต้องแสดงความยินดีกับเธอสินะ ในเวลาสั้นๆ แค่ยี่สิบนาทีก็ทำให้เธอกลายเป็นเศรษฐีคนหนึ่งไปแล้ว”
ฉันหยุดก้าวเดินและหันหลังกลับไป ในเวลานี้ก็มีลมพัด แสงอาทิตย์ในยามเช้าลาลับไปแล้ว สีชิงชวนในชุดสูทสีดำตลอดทั้งตัวอยู่ท่ามกลางสายลม สายลมที่พัดแรงนั้นไม่สามารถทำให้ทรงผมที่ผ่านการสเปรย์ตกแต่งมาแล้วของเขาขยับได้เลย
เขาดูเหมือนต้นไม้ที่สูงที่สุดในคฤหาสน์หลังนี้ หรือไม่ก็รูปปั้นแกะสลัก หรือไม่ก็ภูเขาจำลอง โดยที่กล่าวมานั้นพอมาอยู่ตรงหน้าทำให้ฉันรู้สึกกดดันมาก
ฉันเลียริมฝีปากเล็กน้อยและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ขาดห้วงเป็นอย่างมาก “ฉันก็คิดไม่ถึง ฉันไม่ได้อยากได้”
“ทั้งที่ได้ผลประโยชน์ แต่กลับบอกว่าตัวเองไม่ต้องการ ที่แท้คุณก็เป็นนักลงทุนคนหนึ่ง” เขายิ้มและพยักหน้าเบาๆ “ถ้าไม่อยากได้ก็กลับไปบอกคนในบ้านว่าคุณจะยกของทั้งหมดให้พวกเขาซะ รับรองว่าพวกเธอจะต้องทำดีกับคุณกว่านี้แน่”
ความจริงแล้วตอนนี้ฉันก็มีความรู้สึกหนึ่งที่อยากจะพุ่งกลับเข้าไปบอกพวกเธอว่าฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น
เพียงแต่ฉันหยุดยั้งการกระทำของตัวเองเอาไว้
หุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่คุณพ่อให้ฉันเป็นสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดมาก่อน ฉันไม่รู้ว่าคุณพ่อทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร
ในช่วงเวลาที่ฉันไม่เข้าใจนี้ ฉันไม่มีทางเคลื่อนไหวเป็นอันขาด
ฉันมองดูสีชิงชวนคลี่รอยยิ้มที่ไม่น่ามองที่สุดและหันหลังเดินไปที่รถ
ในตอนที่หันหลังนั้น ฉันมองเห็นรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามของสีชิงชวน
เขาคงจะคิดว่าปากฉันบอกไม่ต้องการ แต่ในใจกลับยินดีราวกับดอกไม้ที่ผลิบาน
พอฉันขึ้นรถเสร็จแล้ว เฉียวอี้ก็พุ่งตัวเข้ามาถามฉัน “เป็นอย่างไรบ้าง?”
ฉันนำพินัยกรรมในมือยื่นให้เธอ เธอก้มลงอ่านอย่างตั้งใจ
“ลุงสวี ออกรถได้เลยค่ะ” ฉันพูดกับคนขับรถ
คนขับรถสตาร์ทเครื่องยนต์ “กลับตระกูลสีรึเปล่าครับ?”
ฉันไม่รู้เลยว่าควรไปที่ไหน ฉันมองออกไปข้างนอกหน้าต่างด้วยความสับสน สีชิงชวนกำลังเดินไปที่รถของเขาและเปิดประตูขึ้นไปนั่ง
ฉันเปิดกระจกและยื่นศีรษะออกไปพูดกับเขาว่า “ฉันขอไปค้างที่บ้านของเฉียวอี้หนึ่งคืนได้ไหม?”
เขาคงจะได้ยินแล้ว เพียงแต่ไม่สนใจฉันเลยสักนิด ก่อนจะเข้าไปนั่งข้างในรถ
ฉันเลยถือว่าเขายอมรับอย่างเงียบๆ แล้ว
ตอนนี้ฉันต้องการคนอยู่เคียงข้างมากๆ ต้องการเพื่อนที่ดีอย่างเฉียวอี้ ต้องการให้เธอบ่นพึมพำอยู่ข้างหูฉัน เติมเต็มจิตใจของฉันได้บ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...