ผ่านมานานหลายวันแล้ว แม้แต่พิธีศพในตอนเช้าของคุณพ่อฉันก็ไม่ได้หลั่งน้ำตาเลยสักนิด ในที่สุดตอนนี้ก็ไหลออกมาแล้ว
ในหยาดน้ำตานั้น ฉันมองเห็นคุณแม่ของฉัน แล้วก็มองเห็นคุณพ่อของฉันกำลังเดินเข้ามาหาฉันทีละก้าว
เพียงแต่พวกเขากลับยิ่งดูห่างไกลจากฉันมากขึ้นทุกที
ทำให้ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวบนโลกใบนี้อยู่เสมอ
คุณแม่จากไปแล้ว ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวมาก
ตอนนี้คุณพ่อก็จากไปแล้วเช่นกัน
ฉันร้องไห้ออกมาอย่างหนักหน่วง ร้องไห้จนฉันเวียนหัวไปหมด
ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าถูกเฉียวอี้พาขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบนของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ เอนตัวลงนอนบนเตียงหลังใหญ่ของเธอตอนไหนก็ยังไม่รู้
ในตอนที่ฉันฟื้นขึ้นมาก็พบว่าที่มือกำลังเติมน้ำเกลืออยู่ คุณแม่เฉียวและเฉียวอี้นั่งอยู่ข้างฉันด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
ฉันลูบใบหน้าของตัวเองที่ยังคงเปียกชื้นอยู่
ฉันร้องไห้ถึงขนาดนี้คงทำให้พวกเธอตกใจแล้วสินะ ดังนั้นฉันจึงรู้สึกผิดเล็กน้อย “คุณแม่บุญธรรม เฉียวอี้ ฉันทำให้พวกคุณตกใจเหรอ?”
“อยากร้องไห้ก็ร้องเถอะ อย่ากลั้นเอาไว้เลยนะ” คุณแม่เฉียวใช้ผ้าขนหนูแห้งเช็ดใบหน้าของฉันอย่างนุ่มนวล “ร้องไห้จนพอแล้วก็ยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เซียวหยวนด่วนจากไปกะทันหันแล้ว แม่รู้ว่าหนูคงรับไม่ไหว เพียงแต่ชีวิตของคนเราไม่แน่นอน คนที่อยู่เคียงข้างใครสักคนนั้นอาจไม่สามารถอยู่ด้วยได้นาน เสี่ยวเซิง ถ้าอยากร้องไห้ให้น้อยลงก็ต้องทำให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้นมา”
“คุณแม่บุญธรรมคะ หนูไม่อยากไปที่เซียวซื่อกรุ๊ป หนูไม่อยากเป็นCEO หนูแค่อยากเป็นคนธรรมดาที่สุด ขอแค่ให้คนที่อยู่เคียงข้างยังมีชีวิตและมีความสุขก็พอ”
“ถ้าหากว่าเรื่องพื้นฐานที่สุดก็ยังทำไม่ได้ล่ะ?” น้ำเสียงของคุณแม่เฉียวฟังดูอ่อนโยนมาก แต่ก็แน่วแน่มากเช่นกัน “อย่างนั้นก็คงทำได้แค่พึ่งพาตัวเองและใช้ชีวิตต่อไปอย่างเข้มแข็ง”
คุณแม่เฉียวเป็นคนที่เข้มแข็งคนหนึ่ง หลายปีมานี้ถูกภรรยาเก่าของคุณพ่อเฉียวตามก่อกวนเรื่อยมา แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่จะยอมทนอยู่ฝ่ายเดียว เธอเตรียมการตอบโต้มาโดยตลอดทั้งยังสามารถตอบกลับไปได้เป็นอย่างดี
ฉันคงไม่สามารถทำเหมือนคุณแม่เฉียวได้ ฉันแค่อยากเป็นลูกเต่าที่หดหัวอยู่ข้างหลังคุณพ่อเท่านั้น
ฉันซุกตัวอยู่ในผ้าห่มและร้องไห้เล็กน้อย คุณแม่เฉียวเดินออกไปแล้วและกำชับให้เฉียวอี้อยู่เป็นเพื่อนฉันให้ดี
ฉันเอนตัวพิงอยู่บนเตียง เฉียวอี้นั่งอยู่ข้างๆ ฉันมาโดยตลอดและพูดกับฉัน
“เซียวเซิง เธอพักอยู่กับฉันหลายๆ วันก็ได้ ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้นปล่อยใจให้สบาย จากนั้นก็ค่อยกลับไปเปลี่ยนสถานะเพื่อการต่อสู้อีกขั้น”
“การต่อสู้อะไร?” ฉันร้องไห้จนเสียงแหบไปหมดแล้ว
“ก็จัดการกับนังแม่เลี้ยงสารเลวและพี่สาวอสรพิษสองคนนั้นไง! ตอนนี้เธอคือผู้ถือหุ้นใหญ่แล้ว พวกหล่อนจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดเธอแน่”
“อย่าพูดถึงเซียวซือแบบนี้ เธอไม่เคยรังแกฉันมาก่อน”
“ไม่เคยได้ยินเหรอว่าหมาไม่เห่ามันก็กัดคนได้?” เฉียวอี้ถอนหายใจ “เธอเองก็ผ่านอุปสรรคต่างๆ นานามาก็ตั้งเยอะ แต่ทำไมถึงได้ไร้เดียงสาแบบนี้? เซียวซือไม่ใช่คนดีอะไรเลย เซียวหลิงหลิงจอมเอะอะโวยวายคนนั้นยังพอรับมือได้ แต่เซียวซือน่ะบิ๊กบอส รับมือได้ที่ไหนกันล่ะ นางตอแหลขั้นสุดเชียว”
ฉันรู้สึกเวียนหัวไปหมดแล้ว ยิ่งถูกเธอว่าอย่างนี้ก็ยิ่งมึนหัวเข้าไปใหญ่
“เฉียวอี้ ฉันอยากนอนสักหน่อย”
“นอนเถอะๆ” เฉียวอี้ห่มผ้าห่มให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะหลับตาลง
ฉันฝันถึงบ้านที่ฉันอาศัยอยู่กับแม่หลังนั้น คุณพ่อกำลังทำอาหารเช้าให้ฉันอยู่ในครัว ส่วนคุณแม่กำลังหวีผมให้ฉัน มือของเธอนุ่มนวลมาก ไม่เจ็บเลยสักนิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...