สีชิงชวนไม่ได้พูดอะไรอีก และฤทธิ์ยาแก้ปวดนั่นก็กำลังออกฤทธิ์อย่างช้าๆ เหมือนว่าขาฉันจะไม่ได้ปวดมากเท่าก่อนหน้านี้แล้ว ยังปวดแค่เล็กน้อยแบบพอทนได้
คนที่บ้านส่งซุปอย่างอื่นมาให้อีกครั้ง ตอนนั้นฉันหลับไปแล้ว แต่สีชิงชวนเป็นคนเขย่าตัวให้ฉันตื่นขึ้น
เขาบอกให้ฉันกินซุป “ครั้งนี้ไม่ใช่ซุปปลา เป็นซุปไก่โสม โสมพันปีที่แม่ผมสะสมไว้ ถึงจะไม่ถึงพันปี แต่ช่วยบำรุงร่างกายดีมาก คุณชิมดูนะ กลิ่นยาจีนไม่แรง”
ยากมากเลยนะที่จะให้สีชิงชวนมาพูดเรื่องวิทยาศาสตร์กับฉันด้วยความอดทนแบบนี้ แต่กว่าฉันจะหลับได้มันไม่ง่ายเลย แต่กลับถูกเขาเขย่าตัวปลุกให้ตื่น มันน่าหงุดหงิดจริงๆ
ฉันกินซุปด้วยความไม่เต็มใจ เขายืนกรานจะป้อนฉันให้ได้ ในตอนแรกฉันจึงปฏิเสธไป “ขาฉันหัก แขนไม่ได้หักสักหน่อย”
“คุณก็ถือซะว่ามันหักแล้วกัน” เขาเอาช้อนซุปมาจ่อที่ปากฉัน
ฉันกล้าพูดเลยว่าสีชิงชวนเป็นคนที่ใจดำที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา
ความจริงฉันไม่ชินมากที่สีชิงชวนมาป้อนฉันแบบนี้ แต่เขายืนกรานที่จะป้อน ฉันก็เลยทำอะไรไม่ได้
ถึงฉันจะแยกไม่ออกว่าโสมพันปีกับโสมธรรมดามันต่างกันยังไง แต่ซุปไก่นี่มันอร่อยมากจริงๆ กินไม่รู้รสชาติขมๆ ของยาจีนเลย
อีกอย่างซุปไก่ก็อร่อยมาก พอขาไม่เจ็บแล้ว ประสาทสัมผัสด้านอื่นๆ ของฉันก็เริ่มทำงานและรู้สึกหิวขึ้นมาแล้ว
สีชิงชวนทำเหมือนฉันเป็นคนตะกละ เขาป้อนฉันติดต่อกันสองถ้วย และกำลังตักถ้วยที่สามมาเพิ่ม ฉันจึงจับมือเขาไว้ “กินไม่ลงแล้ว”
“คุณหิวไม่ใช่เหรอ?”
“หิวแค่ไหน ปริมาณการกินของฉันมันก็ได้เท่านี้อะ” ฉันอิ่มจนแทบจะเรอออกมาอยู่แล้ว
สีชิงชวนเห็นดังนั้นจึงปล่อยฉันไป
ครั้งนี้สีชิงชวนน่าหนวกหูมากๆ แตกต่างจากเมื่อก่อนที่เคยเงียบโดยสิ้นเชิง เขาป้อนซุปฉันเสร็จแล้วยังจะมานั่งข้างๆ ฉันอีก แถมยังพยายามคุยกับฉันอีกต่างหาก “คุณปวดหัวไหม?”
“ไม่”
“ขาคุณยังเจ็บมากไหม?”
“ไม่ค่อยเจ็บแล้ว”
“มีผลข้างเคียงอะไรบ้างไหม? เวียนหัวตาลายอะไรทำนองนั้น”
“ไม่มี”
“แล้วรู้สึกไม่สบายท้องบ้างไหม พะอืดพะอมอยากอาเจียนอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่เหมือนกัน ตอนนี้สบายดีมาก” ฉันง่วงมาก สมองเบลอไปหมดแต่หลับไม่ได้เพราะเขามัวแต่ทำตัวแบบนี้ใส่ฉัน “ถ้าคุณไม่มีอะไรจะพูดก็ไม่ต้องหาเรื่องมาพูดด้วย ขอร้องเลย”
ในที่สุดสีชิงชวนเงียบเสียงลงได้สักที เมื่อเขาเลิกพูด ฉันก็หลับตาลงทันที
แต่ช่วงเวลาดีๆ อยู่กับฉันได้ไม่นาน ฉันยังหลับตาได้ไม่ถึงห้านาทีก็ได้ยินเสียงของเขาดังขึ้นอีกแล้ว
“เซียวเซิง”
ฉันลืมตาขึ้นอย่างช่วยไม่ได้และมองเขาผ่านรอยแยกระหว่างเปลือกตา “ทำไม?”
“เรื่องที่คุณรถชน…”
เขาจะอธิบายอะไรกับฉันเหรอ? ฉันรอฟังเขาอยู่เงียบๆ
“ไม่เกี่ยวกับเซียวซือ”
ฉันหลับตาแน่นกว่าเดิม เบือนหน้าออกไปทางอื่นและเอาผ้าห่มมาคลุมโปงทันที
ฉันก็คิดว่าเขาจะบอกอะไรที่มันสร้างสรรค์และมีประโยชน์กับฉัน แต่กลับกลายเป็นว่าเขายังพูดแทนเซียวซืออยู่เหมือนเดิม ฉันเดาว่าเสียงของฉันที่ดังอยู่ในผ้าห่มน่าจะไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่ก็ช่างมันเถอะ ฉันยังคงพูดมันออกไป “ฉันรู้ว่ามันไม่เกี่ยวกับเซียวซือ แล้วฉันก็ไม่เคยสงสัยด้วยว่าเรื่องที่ฉันเกิดรถชนมันไม่ใช่อุบัติเหตุ คุณไม่ต้องห่วง ฉันไม่ค่อยสนับสนุนทฤษฎีสมคบคิดสักเท่าไหร่ อีกอย่างมันคงไม่มีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นหรอก”
“ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าผมควรจะดีใจไหมที่คุณซื่อขนาดนี้”
“แล้วแต่คุณเถอะ” ฉันฝังหน้าลึกลงบนหมอนจนแทบจะหายใจไม่ออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...