วันนี้มันวันอะไรกันเนี่ย? คนรอบตัวฉันมีเรื่องชกตีกัน
เฉียวอี้ผ่าแตงโมเสร็จก็ยื่นมาให้ฉัน แต่ฉันกินไม่ลง ใครมันจะเป็นคนไม่คิดมากเหมือนเธอล่ะ
เธอกินแตงโมคนเดียวไปครึ่งลูก จากนั้นก็ตีพุงตัวเองแล้วพูดกับฉันว่า “เจ็บหน้ามากเลย แต่ที่บ้านฉันมียาพิเศษสำหรับรักษารอยฟกช้ำ เดี๋ยวฉันกลับไปพ่น พรุ่งนี้ก็หายแล้ว”
“เฉียวอี้” ฉันเรียกเธอ “ถ้ามีเวลาก็ติดต่อกับเฉียวเจี้ยนฉีหน่อย ถามเขาว่าเจ็บตรงไหนบ้าง”
“พูดแล้วก็แปลก ทำไมเขาถึงได้ตีกับสีชิงชวนขึ้นมาได้ล่ะ?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนที่ฉันโทรไป เขาก็ตีกับสีชิงชวนแล้ว”
“ชิ ไม่รู้จักเจียมตัวจริงๆ”
“ฉันบอกเขาว่าเธอถูกสีชิงชวนต่อย เขายังโกรธแทนเธอช่วยเธอแก้แค้นเลย จริงๆ เฉียวเจี้ยนฉีก็ไม่ได้ใจร้ายนะ เธอทำตัวดีๆ กับเขาเถอะ ยังไงเขาก็เป็นพี่ชายของเธอนะ”
“เขาไม่รู้จักเจียมตัวเองเถอะ ไม่รู้เหรอว่าตัวเองตัวแค่ไหน ยังจะไปสู้กับสีชิงชวนอีก? แม้แต่ฉันเขายังสู้ไม่ไหวเลย” เฉียวอี้ยกแขนขึ้นโชว์กล้ามของตัวเอง “ดูสิ ไม่เสียแรงที่ฝึกซ้อมจริงๆ”
“ถูกต่อยจนหน้าช้ำหมดแบบนี้ ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะไม่ทำตัวอวดเก่งแบบนี้ รีบไสหัวกลับไปทายาซะ”
เฉียวอี้ทำนิ้วโอเคให้กับฉัน แล้วกลับไปทันที เหนื่อยใจจริงๆ
ปกติฉันจะไม่อยากให้สีชิงชวนอยู่ที่นี่ แต่วันนี้ฉันหวังให้เขามาที่นี่เร็วๆ เพราะฉันอยากรู้ว่าเขาเจ็บแค่ไหน
เขามาถึงที่นี่ประมาณตอนมื้อเย็น ในมือของเขาถือกระติกเก็บความร้อน น่าจะเจอกับป้าอู๋ตรงทางเดิน แกก็เลยรวดเอามาให้ด้วย
เสื้อสูทตัวนอกของเขาพาดไว้บนข้อพับแขน อีกมือหนึ่งถือกระติกเก็บความร้อน
เมื่อวานเพิ่งจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง วันนี้ฝนตกปรอยๆ อากาศเลยหนาวเย็นเล็กน้อย ไม่ต้องเปิดแอร์ในห้องก็รู้สึกเย็นสบาย
เขาเดินไปที่โต๊ะ วางกระติกเก็บความร้อนลงแล้วหยิบกับข้าวและน้ำซุปออกมาทีละอย่าง
ฉันมองหน้าเขาอย่างละเอียด ดูไม่ต่างจากคนที่ฉันเจอเมื่อตอนเย็นเลย
ฉันอดไม่ได้ที่จะถาม “คุณต่อยกับเฉียวเจี้ยนฉี ไม่บาดเจ็บเลยเหรอ?”
“ผู้ชายตีกันไม่เหมือนผู้หญิงตีกันที่เล็งแค่หน้าหรอกนะ” เขาถือถ้วยน้ำซุปเดินมายื่นให้ฉัน “จะกินเองหรือว่าให้ผมป้อน?”
ฉันรับถ้วยซุปมาจากเขา แล้วค่อยๆ จิบ
สีชิงชวนจ้องฉันตลอดเวลา ฉันเลยหลบสายตาเขา
เขาพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบนิ่ง “เฉียวเจี้ยนฉีจีบคุณอยู่เหรอ?”
ฉันแทบจะสำลักน้ำซุปออกมา แล้วยื่นมือไปดึงกระดาษทิชชูมาเช็ดปากพลางมองสีชิงชวน “อะไรนะ?”
“เซียวเซิง คุณนี่มีพวกดอกท้อเน่าตามจีบเยอะจริงๆ”
ฉันรู้อยู่แล้วว่าเฉียวเจี้ยนฉีตามจีบฉัน เพราะคราวก่อนที่เจอหน้ากันเขาก็เคยสารภาพกับฉันแล้ว
ตอนแรกฉันว่าจะรักษาระยะห่างไม่สนใจแล้ว แต่พอได้ยินสีชิงชวนพูดแบบนี้แล้ว มันทำให้ฉันรู้สึกไม่ชอบใจมาก
อะไรคือมีดอกท้อเน่า? คนอื่นเขาชอบฉัน ตามจีบฉันก็คือดอกท้อเน่า แล้วเขาล่ะ?
ฉันจิบน้ำซุปต่อ “เฉียวเจี้ยนฉีเป็นคนตรงไปตรงมา เขามีอะไรก็จะพูดออกมาตรงๆ อย่างน้อยก็เป็นคนเปิดเผย”
“เหอะ อย่าคิดว่าคุณเข้าใจมนุษย์ดี คุณดูคนจากภายนอกมากเกินไป”
เชอะ ภายนอกก็ภายนอกสิ เพราะยังไงเขาก็จะหาวิธีร้อยแปดมาสั่งสอนฉันอยู่แล้ว
ดูจากภายนอกแล้ว สีชิงชวนดูเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย แต่เท่าที่ฉันได้ยินจากโทรศัพท์ดูสู้กันหนักมาก ฉะนั้นแล้วเป็นไปได้ว่าเฉียวเจี้ยนฉีจะเจ็บหนักกว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...