ฉันถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและตรวจร่างกายทั้งหมด ตั้งแต่พยาบาลถึงหมอล้วนแต่เป็นผู้หญิง แถมยังมีนักจิตวิทยามาพูดอยู่ข้างฉันด้วยเสียงอ่อนโยนเบาๆ
ฉันรู้สึกว่าไม่จำเป็นขนาดนั้น ตอนนี้สภาพจิตใจฉันดีขนาดไหน ไม่ได้ต้องการการดูแลแบบนี้ มันทำให้รู้สึกเหมือนฉันเป็นผู้หญิงที่ถูกทำร้ายทางเพศอย่างรุนแรง
สีชิงชวนอาจเข้าใจผิด หรือไม่ก็โอเวอร์เกินไป
ที่จริงเดิมทีนั้นตรวจด้วยตาเปล่าสองนาทีก็เสร็จแล้ว แต่เหล่าคุณหมอกลับตรวจไปแทบจะหนึ่งชั่วโมงแล้ว
ฉันรู้สึกว่าผิวหนังทุกส่วนบนร่างกายของฉันถูกพวกเขาตรวจดูแทบจะทุกส่วนแล้ว บทสรุปสุดท้ายคือฉันไม่ได้ถูกล่วงละเมิดทางเพศ และฉันก็ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสใดๆ แต่แค่บนหน้าอกฉันมีรอยที่โดนเล็บข่วน
หลังจากที่ตรวจเสร็จแล้ว พยาบาลเข็นฉันออกมาจากในห้องตรวจ ฉันเห็นมีตำรวจไม่กี่คนกำลังรอฉันที่ประตูทางเข้า ตำรวจหญิงที่เป็นหัวหน้าสองคนค่อยๆ ถามนักจิตวิทยา “อาการคุณนายสีตอนนี้สามารถตอบคำถามพวกเราได้ไหมคะ ?”
จิตแพทย์มองมาที่ฉันอย่างเป็นกังวล และหลังจากที่เขาตรวจมองอาการเบลอๆ ของฉันแล้ว เขาก็พยักหน้ายืนยันว่า "ตอนนี้อาการของคุณนายสีค่อนข้างดี ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร"
ดังนั้นพวกเราจึงมาถึงห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงพยาบาล ตำรวจได้สัมภาษณ์ฉันอย่างใกล้ชิด และฉันก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเขาฟัง
บรรดาตำรวจเอาจริงเอาจังมาก พลางอัดเสียงและพลางจดบันทึกจดบันทึก ราวกับว่าเป็นคดีอาญาร้ายแรงอย่างไรอย่างนั้น
ตอนที่ฉันพูด พวกเขายังถามแทรกขึ้นมาเป็นบางครั้ง อาจเป็นเพราะสีชิงชวนยืนอยู่ พวกเขาจึงกดดันมาก
“คุณนายสีคะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงเขียนบันทึกอย่างย่อ จากนั้นเงยหน้ามามองฉัน “คุณได้ยินผู้ต้องสงสัยคนที่หนึ่งกำลังคุยกับผู้ต้องสงสัยคนที่สองหรือไม่คะ ?"
“ผู้ต้องสงสัยคนที่สอง ?” ฉันสับสนเล็กน้อย
“ก็คือเซียวซือค่ะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง
“ไม่ได้ยินนะคะ” ฉันรีบพูดทันที “ตอนแรกฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ ว่าตอนที่ฉันเขาไปฉันไม่เห็นใครเลย ตอนที่ฉันเตรียมจะออกมาจากในห้อง ฉันเห็นคนนั้นเดินออกมาจากในห้องน้ำ ในระหว่างนั้นฉันไม่ได้ยินเขากับเซียวซือสนทนากันหรือคุยทางโทรศัพท์ใดๆ กันเลย”
“งั้นก็น่าจะคุยกันไว้ล่วงหน้าแล้วค่ะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงบอกฉันอย่างมั่นใจ
เขามั่นใจขนาดนี้แล้วยังจะมาถามฉันทำไม
ฉันเงยหน้ามองสีชิงชวน “ที่จริงทางฉันไม่ได้ยินอะไรเลยนะคะ และก็ไม่สามารถแน่ใจมากพอว่าเซียวซือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
สีชิงชวนยืนตัวตรงเหมือนต้นสนต้นหนึ่ง และก็เหมือนเสาคอนกรีตต้นหนึ่ง เหมือนเป็นคนที่ไร้ความรู้สึก
คำให้การของผู้ต้องสงสัยคนที่หนึ่งได้ทำให้ต้องเรียกเซียวซืออกมาแล้ว เขาบอกว่าเซียวซือโทรไปหาเขาให้เขาลงมือปฏิบัติภารกิจ แถมในมือถือเขายังเจอรูปที่เซียวซือส่งให้ตาอ้วน
นั่นก็หมายความว่าเซียวซือทำจริง ทำไมฉันถึงรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่นัก ?
ฉันมักรู้สึกว่าเซียวซือไม่เหมือนคนที่จะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ แต่ถ้าเป็นแม่เลี้ยง ก็มีโอกาสเป็นไปได้
เซียวซือไม่มีเหตุผลที่จะทำร้ายฉัน อีกอย่างฉันได้ยกตำแหน่งท่านประธานให้เขาแล้วด้วย และฉันก็คิดจะไปต่างประเทศแล้ว แต่แค่ได้รับบาดเจ็บก็เท่านั้นเอง
ตอนนี้ที่ฉันเดินกะเผลก มันไม่สามารถเป็นการคุกคามเขาได้โดยสิ้นเชิง ฉันมองไปที่สีชิงชวน “คุณคิดผิดหรือเปล่าคะ ?”
“คุณเป็นผู้เสียหายที่พูดแทนผู้ต้องสงสัยคนแรกที่ผมเคยเจอ” เขาพูด
เหล่าตำรวจบันทึกคำให้การเสร็จก็กลับไป สีชิงชวนพาฉันกลับบ้าน ระหว่างทานฉันถามเขาว่า “ตอนนี้เซียวซืออยู่ที่ไหนคะ ?”
“อยู่ที่สถานที่กักกัน”
“เขายอมรับแล้วเหรอคะ ?”
“ไม่พูดอะไรเลย แต่เขาพูดว่าไม่พูดก็ไม่สำคัญ หลักฐานหนักแน่น”
“หากถูกตัดสิน เซียวซือจะติดคุกไหมคะ ?”
“ยุยงพยายามข่มขืน สองถึงห้าปี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...