ในที่สุดฉันก็พาคุณน่าออกมาจากประตูใหญ่บ้านตระกูลเซียวจนได้ ใช่ ยืนอยู่ในสวนดอกไม้ที่คุ้นเคยของตระกูลเซียว ฉันสูดหายใจๆ ลึกอย่างรู้สึกสบาย
ยังไงคุณย่าก็อายุ 80 ปีแล้ว ตอนนี้เขาก็หอบแฮ่กๆ เหมือนกัน
“จู่ๆ คุณย่าวางแผนทำเรื่องแบบนี้และไม่บอกหนูก่อน คุณย่าโมโหขนาดนี้ ถ้าโมโหเกินไปจนเกิดเรื่องจะทำยังไงคะ ?”
“เรื่องบางเรื่องมันไม่มีบทหรอก ฉันก็ไม่ได้คิดดีแต่แรก ฉันเห็นฮวาหยุน ก็เลยคิดอยากจะตีเขา”
คุณย่ายังเอาแต่ใจจริงๆ นอกจากฉันมองเขาแล้วถอนหายใจ ก็ทำอะไรไม่ได้อีก
ฉันพูดว่า “ครั้งหน้าไม่เอาแบบนี้แล้วนะคะ”
“หนูรู้สึกว่าย่าตีแรงไปเหรอ ช่วยพูดให้พวกเขา หรือกลัวว่าร่างกายย่าจะไม่ไหว ไม่ได้ตีพวกเขาจนตายสักหน่อย เอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวด้วยซะแล้ว ?”
“หนูเป็นห่วงสุขภาพของคุณย่าต่างหากค่ะ”
“แต่ย่าเป็นห่วงหนูนะเสี่ยวเซิง” คุณย่ามองฉันอย่างเป็นห่วงเป็นใย “ย่าของหนู 80 แล้ว ยังจะอยู่ได้นานอีกสักเท่าไหร่เชียว ?”
“ไม่ค่ะๆๆ คุณย่าจะต้องอายุยืนแน่นอนค่ะ” ฉันรีบพูดขึ้นมาทันที
เขายิ้มและตบๆ ที่แขนฉัน “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแบบนี้ย่ารู้ว่ามันเป็นยังไง ย่าเป็นห่วงหนูนะเสี่ยวเซิง หนูยังอายุน้อยแบบนี้ ใจดีน่ะมันดี แต่หนูก็ต้องดูด้วยว่าอีกฝั่งเขาเป็นคนยังไง ฮวาหยุน แล้วก็พี่สาวสองคนนั้นของหนู หนูไม่จำเป็นต้องเกรงใจ ใจดีอ่อนไม้อ่อนมือให้เขาเลย
“คุณย่าคะ…” ฉันประคองเขานั่งลงบนเก้าอี้ยาวในสวนดอกไม้ “ท่านคิดว่าเซียวซือ กับแม่เลี้ยงของหนูและเซียวหลิงหลิงเขาเป็นคนเหมือนกันเหรอคะ ?”
คุณย่าหรี่ตาจ้องฉันอยู่นาน “หนูคงไม่คิดว่าเซียวซือไม่เหมือนพวกเขาหรอกนะ ? น่าจะไม่เหมือน เซียวซือปลอมกว่าพวกเขา ทำให้ตัวเองยิ่งไม่มีท่าทีเชิงรุก เป็นการทำให้คนอื่นหมดแรงต่อต้าน
งั้นถ้าแบบนี้ คุณย่าก็รู้สึกว่าเซียวซือไม่ได้เป็นแบบนั้นที่ฉันคิด
ฉันไม่รู้ว่าฉันดูคนไม่ออก ยังไร้เดียงสาไป หรือพวกคุณย่าอ่อนไหวง่ายกันแน่
“เสี่ยวเซิง” สายตาของคุณย่ามีความเอ็นดู “หนูมองว่าแต่ละคนล้วนเป็นคนดี ปัญหาไม่ได้อยู่ที่หนูคิดว่าคนพวกนั้นจะกลายเป็นคนดีได้ พวกเราอาจจะไม่เพียงแค่ไม่มีพลังไปเปลี่ยนให้เขายิ่งดีขึ้น แต่ยังทำให้ตัวเองยิ่งโดนรังแกขึ้น หนูดีทุกอย่าง แต่มีเพียงหนึ่งจุด หนูไม่รู้จักปกป้องตัวเอง”
แม้แต่คุณย่าที่พูดจาอ่อนโยนกับฉันมาโดยตลอดยังพูดกับฉันแบบนี้
“คุณย่าคะ ที่จริงหนูก็รู้จักที่จะปกป้องตัวเองค่ะ รู้มาตั้งแต่เด็กจนโต”
“แต่บางทีการที่ปกป้องตัวเองไม่ใช่การที่เอาตัวเองหดลงไปในกระดองเหมือนเต่า บางทีหนูต้องเอาอาวุธออกมาต่อสู้ ต่อต้านพวกเขา นี่ถึงจะเป็นการปกป้องตัวเอง”
ขณะที่ฉันกำลังพูด ฉันรู้สึกว่าบนระเบียงบนหัวฉันมีคนคนหนึ่ง ฉันจึงหันขึ้นไปมอง กลับเห็นเซียวหลิงหลิงถือกะละมังอยู่ในมือ ฉันรีบพุ่งไปที่ตัวคุณย่าเอาตัวบังเขาไว้
ในขณะเดียวกัน น้ำในกะละมังก็สาดลงมา แล้วก็ราดตรงหลังฉันพอดี
น้ำนั่นเป็นน้ำร้อน ฉันคิดว่าน้ำในกะละมังของเซียวหลิงหลิงต้องเป็นน้ำร้อนแน่ๆ
แต่เขาเทลงจากชั้นสาม การเปลี่ยนแปลงของน้ำผ่านแรงต้านของอากาศและอุณหภูมิ อุณหภูมิของน้ำจึงลดลง
แต่ก็ยังร้อนมาก หลังของฉันแทบจะลุกเป็นไฟ คิดแล้วน่าจะโดนลวกจนเป็นแผลแดงใหญ่ๆ แน่
น้ำร้อนน่าจะกระเด็นโดนหน้าคุณย่า เขาตกใจแล้วออกมาจากในอ้อมอกฉันมาลูบหน้าฉัน “เป็นยังไงบ้างเซียวเซิง ? เกิดอะไรขึ้น ?”
ถ้าหากน้ำร้อนกว่านี้อีกนิดละก็ ฉันคงโดนลวกจนสุกไปแล้ว
ฉันพูดว่า “มีคนเทน้ำลงมาที่พวกเราค่ะ”
คุณย่าเงยขึ้นไปมอง เซียวหลิงหลิงก็หลบไปตั้งนานแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...