แม้ว่าฉันและแม่เลี้ยงจะไม่ลงรอยกันเป็นอย่างมาก ตอนนี้อารมณ์ของเธอเองก็คงจะแย่มาก ถ้าหากพรุ่งนี้ฉันไปแล้วฉันไม่ถูกตบหน้ากลับมานั่นก็คงเป็นเรื่องที่ดี แต่ทว่ายากนักที่เซียวซือจะเอ่ยปากแบบนี้กับฉัน ฉันเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธ
ฉันเอ่ยตอบรับทันใด “ได้สิ”
“ขอบคุณนะ เซียวเซิง”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เซียวซือ ไม่ต้องกังวลนะ ฉันคิดว่าคุณน้าจะต้องไม่เป็นอะไรร้ายแรง ความรู้สึกยากลำบากนี้จะต้องผ่านพ้นไปอย่างแน่นอน”
“อือ” น้ำเสียงของเธอคลุมเครือ “ฉันวางสายแล้วนะ”
ฉันเองก็วางสายโทรศัพท์ด้วย เมื่อเงยหน้าขึ้น ฉันเห็นสีชิงชวนนั่งอยู่ตรงข้ามฉันและกำลังจ้องมองฉัน
อาฮวาตักซุปให้กับฉัน ฉันตักขึ้นมาช้อนหนึ่งพร้อมกับยื่นเข้าปาก “มองฉันทำไม?”
“ผมอยากเห็นว่าเส้นจุดจบของคนดีเกินไปนั้นอยู่ตรงไหน?”
“เหอะ” ฉันไม่อยากจะพูดคุยกับเขา
เฉียวอี้ส่งข้อความวีแชทมาหาฉัน ท่าทางลับๆล่อๆราวกับว่ามีเรื่อง “เซียวเซิง เธออยู่ที่ไหน สีชิงชวนอยู่กับเธอหรือเปล่า?”
ฉันตอบว่าใช่ ท่าทางของเธอดูมีลับลมคมในมากยิ่งขึ้น “เมื่อกี้เธอโทรคุยกับใคร โทรหาตั้งนานก็ไม่ติด?”
“โทรคุยกับเซียวซือ”
“เซียวซือถูกปล่อยตัวแล้วเหรอ?”
“อื้อ”
“สมองของเธอเพี้ยนหรือเปล่า?” หลังจากที่เฉียวอี้พิมพ์ประโยคนี้ ฉันยังไม่ทันจะตอบกลับ เธอก็โทรศัพท์เข้ามา
ฉันรีบวิ่งไปห้องรับแขกเพื่อรับสายโทรศัพท์ “เธอทำอะไรเนี่ย?” ฉันเอ่ยเสียงเบา “ไม่ใช่ว่าวางแผนไม่ให้สีชิงชวนรู้เหรอว่าพวกเราคืนดีกันแล้ว?”
“คืนดีกับผีเธอน่ะสิ เซียวเซิง เธอเสียสติไปแล้วเหรอ เซียวซือลอบวางแผนจัดการเธอ เธอยังปล่อยหล่อนออกมาอีกงั้นเหรอ?”
ฉันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นของแม่เลี้ยงให้กับเธอฟัง เธอชะงักเล็กน้อยและเอ่ยเสียงดังกว่าเก่า “คนเลวก็ต้องได้รับผลกรรม เซียวเซิง ท้ายที่สุดพระเจ้าก็รับรู้แล้ว”
“เธอพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไงเนี่ย”
“เซียวเซิง เธอน่ะหนามใน เนื้อตะปูในตา[1] เธอยังแสดงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ถ้าเธอยังไม่เลิกนิสัยแบบนี้ สักวันหนึ่งจะถูกคนอื่นแทงข้างหลังโดยไม่รู้ตัว”
“เอาล่ะ พอได้แล้ว” ฉันรู้สึกหงุดหงิดเมื่อได้ยินเฉียวอี้พูดแบบนี้ “เธอจะใช้กลยุทธ์อันตู้เฉินฉาง[2]กับฉันงั้นเหรอ? ถ้าไม่มีอะไรฉันจะวางสายแล้ว อ้อใช่ อาทิตย์หน้าฉันไม่จัดงานวันเกิดนะ”
“ไม่ได้ อาการป่วยของแม่เลี้ยงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอ ถ้าหากเธอไม่จัด ฉันเอาเธอตายแน่”
ฉันกลัวว่าเฉียวอี้นั้นจะฆ่าฉัน หล่อนไร้มนุษยธรรมมาโดยตลอด
ฉันวางสายโทรศัพท์และกลับไปยังห้องอาหาร อาหารมาเสิร์ฟแล้ว วันนี้มีปลาเก๋านึ่งน้ำปลา ส่งกลิ่นหอมอบอวลเป็นอย่างมาก
สีชิงชวนแกะลูกตาปลาให้กับฉัน ฉันชอบกินลูกตาปลามาก เขานี่ช่างสังเกตเสียจริง
“คุณคืนดีกับเฉียวอี้แล้วเหรอ?”
“ฮะ?” ฉันเงยหน้าขึ้น ลูกตาปลาอยู่ภายในปาก “อะไรเหรอ?”
“เลิกเสแสร้ง นอกจากเฉียวอี้ คุณสามารถพูดคุยโทรศัพท์กับใครด้วยท่าทางสบายใจแบบนี้ได้อีก?” เขาแกะลูกตาปลาอีกข้างหนึ่งให้กับฉัน ดวงตาของปลาเก๋าว่างเปล่า น่าสงสารจับใจ
รู้ตั้งนานแล้วว่าไม่สามารถปิดบังสีชิงชวนได้ แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งได้เร็วเช่นนี้
ฉันรู้สึกเศร้าเสียใจ เมื่อฉันอยู่ต่อหน้าสีชิงชวนนั้นฉันไม่สามารถเก็บงำหรือมีความลับอะไรได้เลย
ฉันกินปลานึ่งด้วยท่าทางหดหู่ แต่อันที่จริงก็อร่อยมาก เช่นนั้นฉันเลยลืมความเศร้าใจที่กลายเป็นคนไม่มีความลับไปเลย
“ที่จริงแล้ววิธีการนี้ก็ไม่เลว” ฉับพลันเขาเอ่ยขึ้น
“ฮะ?” ฉันกัดตะเกียบแล้วมองเขา
“เรื่องที่คุณกับเฉียวอี้คืนดีกันแล้วนั้นเก็บไว้เป็นความลัย สถานการณ์ของคุณนั้นอย่าให้คู่ต่อสู้รับรู้มากจนเกินไป ถือว่าเป็นการป้องกันตัวของคุณ”
เป็นการยากที่เขาจะเห็นด้วยกับฉัน ฉันกินปลาชิ้นใหญ่อีกคำหนึ่งเพื่อเฉลิมฉลอง
ขณะทานข้าว ฉับพลันเขาเอ่ยกับฉัน “ป๋ออวี่ลาออกแล้ว”
“ฮะ?” ฉันเงยหน้าขึ้นทันใด ฉันเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วจนรู้สึกเวียนศีรษะ “คุณว่าอะไรนะ? ใครลาออก?”
“ป๋ออวี่”
“เป็นไปไม่ได้หรอก ช่วงเช้าเขายังอยู่ที่เซียวซื่อกรุ๊ปกับฉันตลอดทั้งวัน”
“เขาต้องจัดการเรื่องที่ได้รับมอบหมายให้เรียบร้อยก่อนถึงจะสามารถออกไปได้”
“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไร?”
“อาทิตย์ก่อน”
“ทำไมป๋ออวี่ถึงลาออก?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...