เมื่อกลับมาที่ห้อง สีชิงชวนก็เข้าไปอาบน้ำ ไม่ว่าฉันคิดยังไงก็ยังรู้สึกผิดต่อป๋ออวี่อยู่ดี
แต่พูดตามตรง ฉันมองไม่ออกจริงๆ ว่าป๋ออวี่ชอบฉัน
บางทีจริงๆ แล้วป๋ออวี่อาจจะไม่ได้ลาออกก็ได้ แต่เป็นสีชิงชวนต่างหากที่มองบางอย่างออกก็เลยบีบให้เขาลาออก
อภัยให้ฉันด้วยที่ฉันคิดว่าสีชิงชวนจะใจดำขนาดนั้น แต่เขาก็ใจดำอย่างนั้นจริงๆ นั่นแหละ
แต่ว่ายังนับว่าดีหน่อย เขาไม่ได้ตอบโต้อะไรฉันรุนแรง ฉันควรจะแอบยิ้มนะ
จากนั้นสีชิงชวนก็อาบน้ำเสร็จ น่าแปลกใจมากที่เขาไม่ได้พูดประเด็นนี้ต่อ เหมือนเขาจะใจกว้างและปัดตกเรื่องนี้ไปแล้ว ในเมื่อเขาปัดมันตกไปแล้ว งั้นฉันก็จะไม่พูดถึงมันอีก
เช้าวันต่อมาเซียวโทรมาหาฉัน บอกว่าเขาจะไปบริษัทและให้ฉันไปดูแลเธอที่โรงพยาบาลหน่อย เธอบอกว่าเซียวหลิงหลิงไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่
ในเมื่อเขาเอ่ยปากมาแล้ว ฉันเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธ ถึงยังไงฉันเองก็เป็นคนที่ไม่มีตัวตนในเซียวซื่อกรุ๊ปอยู่แล้ว
ฉันจึงไปที่โรงพยาบาลพร้อมกับนำซุปไก่โสมไปด้วย
อาทิตย์หน้าแม่เลี้ยงก็จะทำการผ่าตัดแล้ว ควรจะบำรุงสักหน่อยจะได้เพิ่มพลัง
ในตอนที่ฉันกำลังถือซุปไก่และผลักประตูเข้าไปในห้องพักฟื้นของแม่เลี้ยง ยังไม่ทันที่ฉันจะได้เรียกว่า ‘คุณน้า’ เลยสักคำ รองเท้าแตะคู่หนึ่งก็ถูกปามาทางฉันและโดนหน้าผากฉันเต็มๆ
แม่เลี้ยงเล็งแม่นแบบนี้ตลอดเลย ฉันจำได้ว่าตอนนั้นที่ฉันเพิ่งไปที่เซียวเซียว คุณน้าชอบปาของหลายอย่างใส่ฉันตลอด และมันก็โดนฉันไปซะทุกครั้ง
บางครั้งก็เป็นตะเกียบ บางครั้งก็เป็นรองเท้าแตะ มีครั้งหนึ่งเป็นที่เขี่ยบุหรี่ มันปามาโดนหน้าผากฉันเต็มๆ จนหัวโน
พอคุณพ่อรู้เขาก็โกรธมากและบอกว่าทะเลาะกันจนเกือบจะหย่ากับแม่เลี้ยง เพราะงั้นเธอก็เลยเกลียดฉันยิ่งกว่าเดิม
ระหว่างเราสองคนตกอยู่ในวงจรอุบาทว์อย่างหนึ่ง เธอคิดจะทรมานฉันอยู่ตลอดเวลา พอทรมานฉันเสร็จ คุณพ่อก็จะโกรธ จากนั้นแม่เลี้ยงก็จะยิ่งเกลียดฉันมากกว่าเดิม
รองเท้าแตะโดนเข้าที่หลังเท้าฉันพอดี ฉันเจ็บทั้งหัวเจ็บทั้งเท้าเลยจริงๆ ยังดีที่ฉันกำมือไว้แน่น ซุปไก่ในมือก็เลยไม่หกกระจายเต็มพื้นไปด้วย
ฉันมองไปข้างหน้าก็เห็นว่าแม่เลี้ยงกำลังนอนอยู่บนเตียงและมองฉันดวงแววตาโกรธเคือง
ความจริง เธอก็แค่เอาของทั้งหมดพวกนี้โยนใส่ฉัน
ฉันเดินเข้าไปและคิดว่าจะเอาซุปไก่ไปวางบนโต๊ะชา ถ้าเอาไปวางบนโต๊ะข้างเตียง ฉันว่าเธอต้องกวาดมันลงพื้นหมดแน่ๆ
ฉันยืนอยู่ห่างจากเธอช่วงหนึ่ง เพราะเธอยังมีเสาแขวนขวดน้ำเกลืออยู่ ฉันกลัวจริงๆ ว่าเธอจะยกเสาแขวนขวดนี้เกลือนี่ขึ้นมาฟาดฉัน
เธอเป็นคนป่วย ฉันจะถือสาเธอไม่ได้ “คุณน้า เช้านี้กินข้าวเช้าหรือยังคะ? หนูเอาซุปมาให้ค่ะ”
“เซียวเซิง แกมันคนชั้นต่ำ แกมันตัวซวย!”
คุณน้าด่าฉันแรงมาก ฉันคิดมาตลอดว่ามันไม่เหมาะกับภาพลักษณ์และฐานะของเธอมากๆ
เป็นถึงคุณนายผู้สูงศักดิ์แท้ๆ แต่เธอกลับทำตัวเหมือนผู้หญิงปากร้ายต่อหน้าฉันไปซะทุกครั้ง
ฉันมองเธออย่างกลัดกลุ้ม “คุณหมอบอกว่าไม่ให้คุณน้าใช้อารมณ์มากเกินไปนะคะ”
“เซียวเซิง ดูไม่ออกเลยนะว่าเธอจะร้ายกาจขนาดนี้ เธอคิดว่าใช้วิธีนี้แล้วจะทำให้ฉันกลัวเหรอ ฉันป่วยหรือไม่ป่วย ฉันจะไม่รู้เหรอ?”
ฉันไม่รู้ว่าเมื่อคืนเซียวซือพูดกับเธอยังไง ตอนนี้แม่เลี้ยงถึงยังไม่เชื่อว่าตัวเองป่วย
ยังไงเดี๋ยวก็ต้องย้ายโรงพยาบาลไปโรงพยาบาลที่เธอเชื่อมั่นแล้ว ฉันก็หวังว่าที่นั่นจะตรวจออกมาว่าเธอไม่ได้ป่วยอะไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...