ไม่นานแม่เลี้ยงก็ตรวจเสร็จ เจ้าหน้าที่เข็นเธอออกมาจากห้องตรวจ ฉันจะไปดูเธอ แต่สีชิงชวนกลับดึงฉันไว้และส่ายหน้าให้
รายงานผลการตรวจก็ออกมาอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน ใช้เวลาเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น ผลการตรวจก็ออกมาแล้ว ฉันก็กำลังจะไปเอาแต่สีชิงชวนยังลากฉันไว้เหมือนเดิม
“คุณอยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวเซียวหลิงหลิงก็ไปเอาเอง หรือไม่หมอก็เอาผลตรวจไปให้คนไข้เอง”
“ทำไม?”
“คุณคิดว่าแม่เลี้ยงคุณจะเชื่อหมอหรือว่าเชื่อคุณ?”
“เธอไม่เชื่อฉันอยู่แล้ว แต่ฉันไม่ใช่คนออกรายงานผลการตรวจมาเองสักหน่อย”
“ถ้ารายงานผลการตรวจเป็นสิ่งที่เธอไม่ต้องการ แค่คุณแตะมันนิดเดียวเธอก็จะคิดว่าคุณมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”
ความจริงสีชิงชวนก็พูดถูก เขาก็ดูไม่ได้สนิทกับแม่เลี้ยงฉันสักเท่าไหร่ ไม่คิดว่าจะเข้าใจเธอขนาดนี้
เซียวหลิงหลิงเข้าห้องน้ำไปนานมากแต่ก็ยังไม่ออกมาสักที คุณหมอจึงเอารายงานผลการตรวจมาให้กับแม่เลี้ยงของฉันเอง
ทั้งคุณหมอและผู้อำนวยการรู้จักกับเธอ จริงๆ ฉันไม่ได้แตะต้องรายงานนั้นเลยสักนิด เธอน่าจะเชื่อรายงานผลการตรวจนั้น
แม่เลี้ยงรับรายงานผลการตรวจไปอ่านครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน “นี่มันหมายความว่าไง?”
“อย่าเพิ่งร้อนใจไปครับ ผมเปรียบเทียบที่คุณทำกับของโรงพยาบาลที่คุณอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว จริงๆ ไม่ได้ที่มาอะไรมาก การวินิจฉัยและแผนการรักษาพวกเขาก็สมเหตุสมผลดี”
“งั้นก็หมายความว่า ฉันเป็นเนื้องอกในสมองจริงๆ เหรอ?”
เสียงแม่เลี้ยงแหบแห้งอย่างหมดแรง ในตอนนั้นเองสีชิงชวนก็โอบไหล่ฉันและพาฉันเดินออกมาอีกฝั่งหนึ่ง ฉันถามเขา “อะไร?”
“ตอนนี้แม่เลี้ยงคุณกำลังอารมณ์อ่อนไหว อย่าอยู่ใกล้เธอมาก เธอจะได้ไม่มาพาลใส่คุณ บางทีคนเราก็ต้องรู้จักเอาตัวรอด”
สีชิงชวนให้ข้อคิดฉันตลอดทุกที่ทุกเวลา แต่ที่เขาพูดก็มีเหตุผล ฉันไม่จำเป็นต้องไปเป็นเป้ากระสุนปืนใหญ่ให้กับแม่เลี้ยง
พยาบาลเข็นแม่เลี้ยงเข้ามาในห้องผู้ป่วย ฉันได้ยินเธอถามเพื่อนที่เป็นผู้อำนวยการของเธอไม่หยุด “คุณรวมหัวกับพวกเขาใช่ไหม ฉันจะเป็นเนื้องอกในสมองได้ไง ฉันไม่เห็นรู้สึกอะไรเลยสักนิด!”
เสียงของเธอดังจนฉันที่ยืนอยู่สุดระเบียงทางเดินยังได้ยิน แต่ปฏิกิริยาของเธอก็ปกติ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถสงบจิตสงบใจได้หรอกเมื่อรู้อย่างกะทันหันแบบนี้ว่าตัวเองป่วย
ที่จริงฉันเองก็หวังอยู่เหมือนกัน คิดว่าบางทีมันก็มีความเป็นไปได้ว่าคุณหมอคนนั้นอาจจะตรวจผิด แต่ตอนนี้เปลี่ยนโรงพยาบาลใหม่แล้วผลก็ยังเป็นเหมือนเดิม งั้นแม่เลี้ยงก็คงเป็นเนื้องอกในสมองอย่างไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะ
ไม่น่าล่ะเธอถึงยอมรับมันไม่ได้
ตอนนี้ผลการตรวจออกมาแล้ว ฉันกำลังจะโทรบอกเซียวซือ แต่ล้วงโทรศัพท์ออกมาได้ไม่เท่าไหร่ ยังไม่ทันได้กดเบอร์ มันก็ถูกสีชิงชวนแย่งไปซะก่อน
“คุณจะทำอะไรอีก?” ฉันถามเขา
“เรื่องแบบนี้ให้เธอโทรมาหาเองดีกว่า หรือไม่เซียวหลิงหลิงก็โทรหาเธอเอง”
“แต่เซียวซือไหว้วานให้ฉันมาตรวจเป็นเพื่อนแม่เธอนะ”
“เธอไม่ควรให้คุณมาเป็นเพื่อน เธอควรให้เซียวหลิงหลิงมา ไม่ควรให้คุณมา”
“เธอบอกว่าเซียวหลิงหลิงไว้ใจไม่ได้”
“จะไว้ใจไม่ได้แค่ไหนก็ไม่เกี่ยวกับคุณ” สีชิงชวนจับใบหน้าฉันและบีบด้วยน้ำหนักพอประมาณครั้งหนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงจนปัญญา “ยัยบื้อ รู้จักเอาตัวรอดหน่อยได้ไหม? เรื่องอะไรที่ไม่เกี่ยวกับคุณก็ไม่ต้องไปยุ่ง”
อันที่จริงฉันอยากบอกเขาว่าไม่ใช่ว่าฉันไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาไปซะทีเดียว แต่สายตาของเขาเต็มไปด้วยสัญญาณเตือน เหมือนกับว่าถ้าฉันยังพูดไร้สาระอยู่อีก เขาจะก้มหน้าลงมาจูบฉันซะให้สิ้นเรื่องอย่างนั้นแหละ
ถ้าเซียวหลิงหลิงเห็นเข้า ไม่รู้ว่าเธอจะถากถางฉันยังไงอีก
สีชิงชวนเดาไม่ผิดเลยสักอย่าง ฉันไม่ได้โทรไปหาเซียวซือ แต่ไม่นานเธอก็โทรเข้ามาหาฉัน
เสียงของเธอเบามากและยังมีเสียงขึ้นจมูกให้ได้ยินอย่างชัดเจนด้วย ฉันไม่แน่ใจว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่หรือเปล่า
เธอพูด “ผลการวินิจฉัยออกมาแล้วเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...