เซียวซือคิดว่าฉันจะพูดแค่เรื่องพวกนี้ เธอจึงลุกขึ้นและเตรียมจะออกจากห้องประชุมไป หร่วนหลิงก็เลยทั้งขยิบตาทั้งส่ายหน้าให้ฉันเพื่อบอกให้ฉันรั้งตัวเซียวซือไว้
คนพวกนี้ชอบฝืนใจคนอื่นกันจัง เห็นๆ กันอยู่ว่าฉันไม่ได้อยากทำแต่ก็บังคับให้ทำตามกันอยู่ได้
ทำไงดี? ขี่หลังเสือไปแล้ว จะลงก็ลงไม่ได้
ฉันจึงได้แต่กัดฟันพูดกับเซียวซือ “พี่ช่วยรออีกแป๊บหนึ่งนะ ฉันมีเรื่องนิดหน่อย หรือไม่งั้นให้ฉันคุยกับพี่เป็นการส่วนตัวก่อนดี?”
ฉันอยากจะบอกกับเซียวซือเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่ประกาศต่อหน้าทุกคนแบบนี้ จะได้เป็นการไว้หน้าเธอด้วย
ฉันยังไม่ทันได้ขยับตัวไป หร่วนหลิงก็ทั้งส่ายหน้าทั้งโบกมือให้ฉัน เซียวซือมองฉันเงียบๆ “เธอมีอะไรเธอก็พูดมาสิ!”
ในเมื่อเป็นแบบนี้งั้นฉันก็พูดไปเลยแล้วกัน
ฉันยกแก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง “เซียวซือ คืออย่างนี้นะ ฉัน…ฉัน…”
ฉันพึมพำอยู่นานก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าควรพูดอะไรจึงหยิบบทพูดที่หร่วนหลิงเขียนให้ฉันขึ้นมาอ่าน
เมื่ออ่านจบฉันก็แทบไม่กล้ามองตาของเซียวซือเลย
ตอนที่ใบหน้าของเซียวซือซีดเซียว ดวงตาของเธอมันดูดำมืดเป็นพิเศษ
เหมือนว่าใบหน้าของเธอมีแค่สองสีเท่านั้น เธอมองฉันนิ่งๆ อยู่นานมาก
“เซียวเซิง เธอทำแบบนี้มันกะทันหันเกินไป ฉันยังไม่ทันได้เตรียมใจ นี่มันไม่ใช่เกมนะ ที่เธอคิดจะยกมันให้ฉันก็ยก ตอนนี้พอเธออยากได้มันเธอก็มาเอาคืน เธอยังจำได้ไหมว่าตอนแรกเธอพูดกับฉันว่าไง?”
เซียวซือพูดและฉันรู้สึกอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ตอนนั้นที่ฉันยกตำแหน่งซีอีโอให้เธอ ฉันเคยพูดกับเธอจริงๆ ว่าต่อไปฉันจะไม่เอามันคืนเด็ดขาด แต่เรื่องผ่านไปได้แค่ไม่กี่สัปดาห์ก็กลืนน้ำลายตัวเองซะแล้ว มันเจ็บจริงๆ
ฉันไร้คำพูดไปในทันที เซียวซือเดินเข้ามาหาฉันทีละก้าวๆ “เซียวเซิง ตอนนั้นฉันให้เธอคิดดีแล้วนะ ฉันบอกว่ารากฐานของเซียวซื่อกรุ๊ปจะพังลงในมือของเราสองคนไม่ได้ พังลงท่ามกลางบุญคุณความแค้นพวกนี้ไม่ได้ เธอยกให้ฉันแล้วจะเอาคืนไปง่ายๆ ไม่ได้ เธอบรรลุนิติภาวะแล้วนะ เธอต้องรับผิดชอบในทุกสิ่งที่เธอทำ แต่ตอนนี้ยังผ่านไปไม่ถึงหนึ่งเดือนเธอก็กลับกลอกซะแล้ว เธอคิดว่าเธอทำตัวแบบนี้จะดูแลเซียวซื่อกรุ๊ปได้ดีเหรอ?”
เซียวซือพูดจนฉันพูดไม่ออก ฉันมองเธอเดินมาหยุดยืนตรงหน้าฉัน ถ้าตอนนี้เธอยกมือขึ้นมาตบฉันสักฉาด ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดอยู่ดี
ใจฉันตอนนี้พ่ายแพ้ยับเยินไปหมดแล้ว ถ้าจะให้พูดเรื่องการทะเลาะเบาะแว้ง ฉันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซียวหลิงหลิง ส่วนถ้าจะให้พูดเรื่องการใช้เหตุผล ฉันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอเหมือนกัน
ฉันเกือบจะยกสองมือขึ้นยอมแพ้อยู่แล้ว แต่ในตอนนั้นเองผู้จัดการคนหนึ่งก็ได้รับสายสายหนึ่ง เสียงริงโทนจากโทรศัพท์เขาดังไปทั่วทั้งห้องประชุมกว้างๆ นี่อย่างกะทันหัน ทำให้ฉันตกใจมาก
เขาพูดขอโทษพลางรับสาย พูดคุยด้วยความสอพลออยู่ไม่กี่ประโยคก็วางสายลง
ฉันอยากให้เขาคุยกับปลายสายนานๆ หน่อย เพราะฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงกับเซียวซือดี
เซียวซือมองตรงมาที่ฉัน สายตาของเธอฉายชัดว่าเธอโกรธมาก
เธอมองฉันและพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เซียวเซิง ฉันไม่รู้ว่านี่เป็นความคิดของเธอ หรือว่าเป็นความคิดของคนอื่น ตั้งแต่ตอนแรกที่เธอยกตำแหน่งนี้ให้ฉัน ฉันก็ไม่ได้บังคับเธอ ฉันยังให้เวลาเธอคิดทบทวนดีๆ อีกตั้งหนึ่งด้วย ใช่ไหม?”
ฉันพูดเสียงอ่อน “ใช่”
“งั้นตอนนี้เธอจะเอาตำแหน่งนี้คืนอีก เธอจะให้ทุกคนในบริษัทคิดยังไง นี่มันเป็นของเด็กเล่นเหรอ? เล่นพ่อแม่ลูกหรือไง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...