ฉันถูกสอบปากคำมาสองชั่วโมงแล้ว พวกเขาเอาแต่ถามฉันวนไปวนมาอยู่กับเนื้อหาเล็กๆ น้อยๆ นั่น เป็นการสู้รบแบบเวียนเทียนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
ฉันรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามากๆ จึงถามพวกเขาไปว่าทำไมไม่ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด พวกเขาก็หน้าบึ้งตึงตอบฉันกลับมาทันที “ตำรวจจะทำงานยังไงต้องให้คุณมาสอนด้วยเหรอ? ”
ต่อมาพวกเขาก็ให้ฉันเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นใหม่อีกครั้งหนึ่งถึงจะยอมปล่อยฉัน
ฉันคิดว่าฉันจะถูกกักตัวไว้หนึ่งคืน แต่ผ่านไปสักพักตำรวจก็เดินเข้ามาบอกกับฉันว่า “คุณไปได้แล้ว”
เมื่อเขาอนุญาตให้ฉันไปได้ แน่นอนว่าฉันจึงหนีไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่ากระต่ายสักอีก
แต่พวกเขาปล่อยตัวฉันง่ายๆ แบบนี้มันทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจจริงๆ ฉันคิดว่าอย่างน้อยฉันก็น่าจะถูกขังสักสองสามวัน
เพราะถึงอย่างไรฉันก็เป็นผู้ต้องสงสัยว่าผลักเซียวซือตกตึก
ฉันเห็นสีชิงชวนยืนอยู่ด้านนอกสำนักงานไม่ต่างจากที่ฉันคาดคิดเอาไว้ เขายืนตัวตรง เหมือนต้นสนที่สามารถบังลมบังฝนให้ฉันได้
ฉันเดินเข้าไปหาเขา เขากางแขนทั้งสองข้างออกแล้วโอบกอดฉันไว้ในอ้อมแขน และลูบแผ่นหลังของฉันอย่างแผ่วเบา
“ไม่เป็นไรนะ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วนะ”
“ไม่เป็นไรแล้วเหรอ? ” ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเขา
“พวกเขาเช็กกล้องวงจรปิดแล้ว และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว เซียวซือตั้งใจพลิกตัวตกลงไปเอง ไม่เกี่ยวกับคุณ”
ฉันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ในที่สุดก็เบาใจลงได้แล้ว “เซียวซือเป็นยังไงบ้าง? ” ฉันรีบถามสีชิงชวนทันที
“เธอไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไรมาก แต่...”
ฉันกลัวการได้ยินคำที่มีความหมายย้อนกลับแบบนี้ที่สุด คำว่าแต่คำเดียวนี้ทำให้ฉันรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที
“แต่อะไร? เซียวซือคงไม่ได้ตกลงมาจนสมองกระทบกระเทือนกลายเป็นคนสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว ไม่มีความรู้สึกใดๆ หรือว่าสมองกระทบกระเทือนจนส่งผลกระทบต่อสติปัญญาหรอกใช่ไหม? ”
“ผมก็บอกไปแล้วนี่ว่าไม่เป็นไร แล้วมันจะร้ายแรงขนาดนั้นได้ยังไง? ” สีชิงชวนโอบกอดฉันให้คลายกังวล “กิ่งไม้ขูดใบหน้าของเธอจนเป็นแผล ตอนนี้คุณหมอเย็บแผลให้เธอแล้ว”
“ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? แค่กิ่งไม้ขูดหน้ายังต้องเย็บด้วยเหรอ? ”
“แผลลึกมาก ถ้าไม่เย็บละก็ แผลคงไม่หายง่ายๆ ”
“งั้นเธอต้องรับไม่ได้แน่ๆ ”
“ตอนนี้การแพทย์พัฒนาไปไกลแล้ว ไหนจะเวชสำอางที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้นอีก ถึงจะมีรอยแผลเป็นก็รักษาให้หายได้ ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงเลย”
เขาก็พูดง่ายสิ ฉันเป็นผู้หญิง ฉันเข้าใจว่าการที่บนใบหน้ามีรอยแผลเป็น สำหรับผู้หญิงแล้วมันหมายความว่ายังไง
ฉันเอ่ยอย่างร้อนใจ “ฉันอยากไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลดูหน่อย”
“คุณคิดว่ามันจะเหมาะเหรอ? ” เขาโอบไหล่ฉันพลางพาฉันเดินออกไปข้างนอก “ตอนนี้อารมณ์ของเซียวซือไม่คงที่ อาจจะมีเรื่องร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นก็เป็นได้ ช่วงนี้คุณอย่าเพิ่งไปเจอเธอเลย โอเคไหม”
“อืม” ฉันรู้ว่าสีชิงชวนพูดถูก ฉันพยักหน้าและเอนตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง
คนคนหนึ่งที่เปลี่ยนจากคนอ่อนแอที่ถูกคนอื่นกดขี่ไปเป็นตัวการที่ไปทำลายชีวิตของคนอื่นจนพังพินาศ
ช่องโหว่ในจิตในนี้ทำให้ตัวฉันเองรับไม่ได้
ฉันเอนหลังพิงไปกับเบาะที่นั่งข้างคนขับด้วยความหงอยเหงาเศร้าซึม สีชิงชวนขับรถพลางหันมามองฉันด้วยความกังวล “ตอนนี้คุณคงไม่ได้กำลังตำหนิตัวเองอยู่ใช่ไหม? ผมจะสมมติให้คุณฟังนะ สมมติว่าคุณกับคนแปลกหน้าคนหนึ่งกำลังเดินอยู่บนถนน จู่ๆ เขาก็แซงหน้าคุณและมาชนคุณเข้า จนตัวเองเซตกลงไปในหลุมข้างหน้า ผมขอถามคุณหน่อยว่าในใจของคุณในตอนนั้นจะรู้สึกยังไง? คุณจะตำหนิตัวเอง โทษตัวเองว่าถ้าไม่ถูกเขาชนเข้า เขาก็คงไม่ตกลงไปในหลุมหรือเปล่า? ”
ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันควรจะตอบออกไปว่าอย่างไรดี และมองเขาอยู่เงียบๆ
“คุณตำหนิตัวเองมากเกินไปแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้คุณจะมีชีวิตที่เหนื่อยมากนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...