พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 391

ห้องชงชาเป็นสถานที่ที่สร้างหัวข้อสนทนาต่างๆ ขึ้นมาโดยตลอด ฉันเพิ่งจะถือแก้วน้ำเดินมาถึงหน้าประตูห้องชงชา ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงหลายคนกำลังพูดคุยกันดังมาจากข้างใน

“ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าอะไรคือการแสร้งเป็นหมู เพื่อหลอกกินเสือ ตอนแรกฉันคิดว่าเซียวซือแก่งมากๆ นะ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเซียวเซิงจะเป็นบอสใหญ่ที่แสร้งเป็นหมู เพื่อหลอกกินเสือ ดูคนที่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้เลยจริงๆ ”

“บางคนดูผอมกะหร่องก่องดูน่าสงสารกว่า แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นแม่ดอกบัวขาวแน่นอน ฉันเห็นเซียวเซิงแวบแรก ฉันก็รู้แล้วว่าเธอต้องเป็นคนแบบนี้”

“แกก็ดูเธอสิถ้าไม่ได้เป็นคนเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวขนาดนั้น เธอจะโหดร้ายกับเซียวซือขนาดนั้นได้ยังไง? ”

“ใช่ เธอเองก็สุดยอดไปเลยจริงๆ นะ นอนจำศีลอยู่ในตระกูลเซียวมาตั้งนานขนาดนั้น สุดท้ายก็ฆ่าแม่เลี้ยง แล้วก็แย่งสามีของเซียวซือไป ตอนนี้ก็ยังได้บริษัทไปอยู่ในมืออีก ใช้วิธีแสร้งทำเป็นปล่อยไปก่อนเพื่อจับให้อยู่หมัด ตบตีเซียวซือสะบักสะบอมจนเกือบตายจริงๆ ”

“ก็นั่นแหละเดิมทีฉันคิดว่าเซียวเซิงเป็นปุยฝ้ายดอกเล็กๆ ทำอะไรใครไม่ได้ ตอนนี้ฉันถึงได้รู้สึกว่าเธอมีฝีมือจริงๆ ฉันนับถือเธอมากจริงๆ ฉันต้องเรียนรู้จากเธอให้ดีๆ แล้ว”

“ใช่ๆ ถ้าวันหนึ่งพวกเรามีเล่ห์เหลี่ยมเหมือนอย่างเธอ งั้นโลกทั้งใบจะไม่มาอยู่ในมือเราเลยเหรอ? ”

คนที่กำลังพูดคุยกันอยู่หลายคนนี้เป็นพวกผู้หญิงขี้นินทาว่าร้ายที่โด่งดังเป็นที่รู้จักของทุกแผนกในบริษัท แทบจะทุกแผนกในบริษัทจะต้องมีคนแบบนี้อยู่สักคนสองคน และคนอื่นก็ไม่สามารถว่าอะไรได้ที่พวกเธอมารวมตัวกัน

ฉันได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ฉันลับหลังมาไม่น้อย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินคนบอกว่าฉันเป็นดอกบัวขาว ฉันจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเธอจะบอกว่าฉันเล่ห์เหลี่ยมสูง บอกว่าฉันเก่งมาก ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะดีใจหรือว่าควรพุ่งเข้าไปแก้ไขความเข้าใจผิดของพวกเธอให้ถูกต้องดี เข้าไปบอกพวกเธอว่าการตายของแม่เลี้ยงไม่เกี่ยวกับฉันเลยแม้แต่นิดเดียว เรื่องที่เซียวซือตกตึกก็เป็นอุบัติเหตุ

ในขณะที่ฉันกำลังถือแก้วยืนครุ่นคิดอยู่นั้น ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้า กลุ่มผู้หญิงพวกนั้นที่กำลังพูดคุยกันอยู่ในห้องชงชาเดินออกมาแล้ว พวกเธอนิ่งอึ้งไปทันทีเมื่อเห็นฉันยืนอยู่

ฉันเองก็นิ่งอึ้งไปเช่นกัน ฉันรู้สึกว่าฉันทำตัวไม่ถูกยิ่งกว่าพวกเธอเสียอีก

จริงๆ แล้วฉันรู้สึกว่าผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ การถูกคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์และการวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นเป็นเรื่องที่ปกติมาก

ดังนั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งสนใจว่าคนอื่นจะวิพากษ์วิจารณ์ฉันลับหลังหรือเปล่า ด้วยเหตุนี้ฉันจึงส่งยิ้มไปให้พวกเธออย่างใจกว้าง และเอ่ยทักทาย “มาดื่มน้ำกันเหรอคะ? ”

ฉันคิดว่าสิ่งที่ฉันพูดออกไปมันเป็นคำพูดที่ธรรมดามากๆ เลยนะ แต่พวกเธอกลับหน้าเปลี่ยนสี และไม่แม้แต่จะเอ่ยทักทายฉัน พวกเธอสบตากันไปมาด้วยความร้อนรน จากนั้นก็วิ่งออกไปจากตรงหน้าฉันเหมือนกำลังหนี

ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเธอหนีอะไรเหมือนกัน ฉันก็ไม่ได้ด่าพวกเธอนี่ แล้วก็ไม่ได้ตำหนิอะไรพวกเธอด้วย ทำไมต้องตกใจกลัวขนาดนั้นด้วยล่ะ?

พวกเธอทำให้ฉันรู้สึกงงมาก ฉันยืนงงอยู่หน้าประตูสักพักหนึ่งจากนั้นถึงจะเข้าไปชงกาแฟ

ชงกาแฟเสร็จฉันก็กลับมาที่ห้องทำงาน และได้ยินหร่วนหลิงกำลังคุยโทรศัพท์ ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังคุยกับใคร แต่น้ำเสียงของเธอดูโมโหมาก

“พวกคุณจะมากเกินไปแล้วหรือเปล่า? กลุ่มบริษัทมีไว้ให้พวกคุณใช้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องงาน มันใช้กลุ่มที่เอาไว้ให้พวกคุณมาวิพากษ์วิจารณ์ท่านประธานลับหลังเหรอห้ะ? ฉันแคปภาพหน้าจอทุกคนที่นินทาลับหลังแบบนี้เอาไว้หมดแล้ว พวกคุณรอรับการลงโทษเป็นรายบุคคลได้เลย! ”

ฉันเข้าใจแล้ว พวกเขานินทาฉันในกลุ่มด้วยเช่นกัน และหร่วนหลิงก็อยู่ในกลุ่มนั้นพอดี เธอจึงไปเห็นบทสนทนาพวกนั้นเข้า

หร่วนหลิงเต็มไปด้วยความแค้นเคืองเพราะความไม่เป็นธรรม เมื่อเธอวางสายจึงเห็นฉันที่กำลังยืนอยู่หน้าประตู

เธอวางโทรศัพท์ลงและลุกขึ้นยืนทันที ท่าทางดูลำบากใจเล็กน้อย “บอสคะ”

ฉันถือแก้วน้ำเดินเข้าไปหาเธออย่างใจเย็น จากนั้นก็วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ “กาแฟใส่นมสองช้อน น้ำตาลครึ่งช้อน”

“บอสคะ ฉันปล่อยให้คุณมาชงกาแฟให้ฉันได้ยังไงคะ? ” เธอเดินมาหาฉันด้วยความตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก “ถ้าคุณชงกาแฟให้ตัวเองก็แล้วกันไป แต่นี่ทำไมถึงมาชงให้ฉันได้ล่ะคะ? ”

“ชงกาแฟแล้วมันยังไง? ส่วนตัวพวกเราก็เป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่เหรอ? ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)