เฉียวอี้ชอบทานซาชิมิมาก ฉันมักจะรู้สึกว่าของแบบนั้นถ้ากินเยอะๆ แล้วมันจะมีพยาธิ เธอบอกว่าทานวาซาบิเยอะๆ มันจะฆ่าพยาธิได้ แต่ฉันรู้สึกว่าฉันจะตายเพราะทานวาซาบิเยอะๆ ก่อนน่ะสิ
และเฉียวอี้ยังชอบทานหมึกดิบอีกด้วย ผสมกินกับวาซาบิ ปลาหมึกนั่นเคี้ยวหนึบหนับมาก มันจะกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ในปากจนไม่สามารถกัดมันให้ขาดได้ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่ามันอร่อยยังไง
เฉียวอี้บอกว่า การทานหมึกดิบสามารถเพลิดเพลินไปความรู้สึกในการไล่ตาม ฉันรู้สึกว่าเธอมันเพี้ยนไปแล้ว
เธอกำลังทุ่มเทพลังกัดหมึกดิบอย่างเต็มที่ สีหน้าท่าทางดูโหดร้ายทารุณมาก โทรศัพท์ของเธอสั่นอยู่บนโต๊ะมานานแล้ว แต่เธอก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ฉันยื่นหน้าไปดูเป็นสายจากเลขาของเธอ
“เสี่ยวหวงโทรมา” ฉันบอกเฉียวอี้
เลขาของเฉียวอี้เป็นผู้ชาย ชื่อหวงหมิน แต่เธอก็เอาแต่เรียกเขาว่าหวงหมี่ทุกวัน
“ปล่อยให้เขารอไป ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังกินข้างอยู่น่ะ! มีตาหามีแววไม่จริงๆ รู้ว่าฉันมากินข้าวเที่ยงกับเธอที่นี่ทุกวัน แต่ก็ยังจะโทรหาฉันในเวลานี้อยู่ได้”
จริงๆ แล้วหวงหมินเป็นคนที่ตามีแววมากๆ จะต้องมีเรื่องใหญ่เร่งด่วนอะไรแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางรีบโทรหาเฉียวอี้ในเวลาทานข้าวกลางวันแบบนี้หรอก
ดังนั้นฉันจึงรับสายแทนเฉียวอี้ และบอกเขาว่าเฉียวอี้กำลังทานข้าวอยู่
น้ำเสียงของเลขาหวงฟังดูลำบากใจเล็กน้อย “ประธานเซียว ตอนนี้มีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อย ให้ท่านประธานมาคุยเองดีกว่าครับ”
ฉันก็เลยเอาโทรศัพท์ไปแนบไว้ข้างหูของเฉียวอี้ มือซ้ายของเธอกำลังถือซูชิส่วนมือขวาก็ถือกุ้งหวาน เธอดูยุ่งมาก
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ” ในปากของเฉียวอี้เต็มไปด้วยหมึกดิบ เธอจึงถามเขาไปด้วยเสียงที่ไม่ค่อยชัด
ฉันไม่รู้ว่าเลขาหวงกำลังพูดอะไรอยู่ในสาย เพราะฉันไม่ได้เปิดลำโพง แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องของเฉียวกรุ๊ปคงไม่สะดวกถ้าฉันฟังด้วย
ฉันเห็นสีหน้าของเฉียวอี้เปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวก็เลิกคิ้วข้างซ้ายขึ้นสูง เดี๋ยวก็เลิกคิ้วข้างขวา เธอกลืนหมึกดิบที่อยู่ในปากลงไป และเอาอาหารที่อยู่ในมือขวากลับไปวางไว้ในจาน หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดมือ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน
“รู้แล้วๆ หยุดร้องไห้ได้แล้ว มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย รอเดี๋ยวฉันกำลังไปแล้ว”
ถึงเฉียวอี้จะพูดแบบนี้ แต่เรื่องที่ทำให้เธอวางอาหารในมือลงแล้วรีบไปที่เฉียวกรุ๊ปทันทีได้ มันต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อย่างแน่นอน
ฉันรู้สึกเป็นห่วงนิดหน่อย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเฉียวอี้? ”
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่อู๋ซือเหมยทำอะไรแผลงๆ ขึ้นมาอีกแล้วน่ะ จู่ๆ เธอก็วิ่งไปถือป้ายอยู่หน้าประตูใหญ่ของเฉียวกรุ๊ป แล้วยังคุกเข่าร้องห่มร้องไห้อยู่ตรงนั้นอย่างกับขายตัวเอาเงินไปฝังศพอย่างไรอย่างนั้น”
“เธอถือป้ายอะไร? ”
“ก็เรื่องที่จะให้ฉันโอนหุ้นครึ่งหนึ่งของเฉียวกรุ๊ปให้เฉียวเจี้ยนฉี เพื่อให้เขาเข้าร่วมคณะกรรมการบริหารไง”
“แล้วเฉียวเจี้ยนฉีว่ายังไงบ้าง? ”
“เขาเหรอจะว่ายังไงดีล่ะ ช่วงหลายวันมานี้เขาหนีกลับไปดูแลร้านอาหารของเขาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเขาซ่อนตัวอยู่หลังแม่ของเขาคอยนั่งเสวยดอกผลของคนอื่น หรือว่าไม่ได้อยากเข้ามายุ่งอะไรมากมายตั้งแต่แรก ก็เลยหนีไปหลบอยู่เงียบๆ หรือเปล่า ใครจะไปรู้กันล่ะ! ”
เฉียวอี้หยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะมาเช็ดปากอย่างลวกๆ “ฉันไปก่อนนะ อาหารพวกนี้ถ้าเธอกินไม่หมดก็เก็บไว้ตอนเย็น ตอนเธอทำงานนอกเวลา ฉันจะมากินเป็นเพื่อนเธอ”
ช่วงหลายวันนี้มักจะทำงานล่วงเวลาอยู่บ่อยๆ เฉียวอี้ก็จะเอางานของเธอมาทำงานนอกเวลากับฉันที่นี่
ฉันเดินไปส่งเธอที่ประตู แต่ก็ยังรู้สึกร้อนใจอยู่นิดหน่อย “อู๋ซือเหมยเอะอะโวยวายเก่งมาก เธออย่าไปทะเลาะกับเธอตรงๆ นะ ไม่อย่างนั้นสังคมจะเอาไปวิพากษ์วิจารณ์ไม่ดีเอาได้”
“ฉันสนใจคำวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมที่ไหนกัน พวกเขาจะเรียกฉันว่าเสือตัวเมีย ฉันก็ไม่สนใจอยู่แล้ว” เฉียวอี้ตบไหล่ฉันเบาๆ “อย่าไปสนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเธอ ขอแค่เธอจำไว้ว่าตัวเธอในสายตาของพวกเขา ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเธอก็พอแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...