ความประทับใจแรกของฉันเมื่อเห็นห้องนั่งเล่นที่ปรับปรุงใหม่นี้คือค่อนข้างเหมือนห้องร้องคาราโอเกะ ขอบของตู้และโต๊ะกาแฟล้วนห่อด้วยฟองน้ำ เหลือก็แต่เพดานที่ไม่ได้ปูด้วยวัสดุนุ่ม
ไม่จำเป็นต้องพูดว่านี่ต้องเป็นความคิดของคุณย่า ฉันเงยหน้าขึ้นแล้วถามสีชิงชวนด้วยความตกใจว่า “คุณเป็นคนทำหรือคุณย่า?”
“คุณคิดว่าไงล่ะ?” เขาถามฉันกลับ
ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร? ไม่ใช่วันหรือสองวันตั้งแต่สีชิงชวนผิดปกติ
ฉันถูกคุณย่ามองว่าเป็นสัตว์หายาก ไม่เพียงแต่หายากเท่านั้นแต่ยังเป็นสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ในระดับโลกอีกด้วย ประมาณว่าเหลือฉันตัวเดียวในโลก หากไม่ปกป้องล่ะก็ฉันคงแหลกสลายในพริบตาทันที
การได้รับการปกป้องอย่างรอบด้านเช่นนี้ทำให้ฉันได้รับความอิจฉาริษยาจากพี่สะใภ้คนโตและพี่สะใภ้คนที่สองเป็นธรรมดา ภึงแม้พวกเธอจะยิ้มให้ฉัน แต่ความอิจฉาริษยาในดวงตาของพวกเธอแทบจะแผดเผาฉันจนตาย
ฉันรู้สึกว่าถ้าฉันไม่สามารถเก็บลูกไว้ได้ คุณย่าไม่เพียงแต่ผิดหวังมากเท่านั้น แต่ท่านคงจะแหลกสลายไปครึ่งหนึ่งเลย
ฉันเข้าใจความหวังของผู้สูงอายุที่มีต่อคนรุ่นต่อไป เมื่อฉันสงบลงฉันก็เริ่มรู้สึกอาลัยอาวรณ์ที่จะแยกทางกับเด็กในท้องของฉัน
ชีวิตของฉันในฐานะสัตว์หายากเริ่มต้นขึ้นแล้ว คุณย่าไม่เพียงแต่เก็บเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดที่สามารถตกแต่งบ้านได้ แต่ยังติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ที่มุมอับของบ้านเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่บ้านสามารถมองเห็นเมื่อฉันเกิดอุบัติเหตุทุกที่ทุกเวลา
พี่สะใภ้คนโตและพี่สะใภ้คนที่สองเอาแต่บ่นว่าตั้งแต่นั้นมาไม่มีความเป็นส่วนตัวเลย และทุกคนสามารถเห็นทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขา
คุณย่ารำคาญจนถามพวกเธอว่าโดนถ่ายรูปตอนเข้าไปอาบน้ำที่ห้องน้ำด้วยหรือเปล่า พี่สะใภ้คนโตกับพี่สะใภ้คนรองเบะปากโดยพูดอะไรไม่ได้
ตอนนี้ฉันดูเหมือนจะยุ่งเหยิงมากกว่าเดิม แต่ความสมดุลในใจของฉันนั้นการรักษาเด็กในท้องไว้คือสิ่งสำคัญที่สุด
ฉินกวนแวะมาหาฉัน เขาถึงกับรู้ว่าฉันท้องจริง ฉันคิดว่าเฉียวอี้ต้องเป็นคนบอกเขาแน่ ๆ
แน่นอน ก่อนที่ฉันจะถามเขา เขาก็พูดกับฉันว่า “เฉียวอี้บอกว่าคุณท้องแล้ว ผมเลยรีบมาเยี่ยมคุณ”
ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจจะบอกคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ลำโพงขนาดใหญ่อย่างเฉียวอี้ก็ช่วยฉันกระจายข่าวออกไปแล้ว ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกเป็นฝ่ายถูกกระทำ
ฉินกวนใส่ใจมาก เขาเอาของต่างๆ มากมายมาให้ฉัน ไม่ใช่แค่อาหารเสริม แต่ยังมีหนังสือสำหรับสตรีมีครรภ์ซึ่งบางเล่มเกี่ยวกับจิตวิทยาด้วย
เขาบอกว่าฉันอยู่ในบ้านตระกูลสีเลยไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้า แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับหญิงตั้งครรภ์คือการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ
เขาบอกว่าหนังสือเหล่านั้นมีประโยชน์กับฉันมากและบอกให้ฉันอ่านเมื่อว่าง ๆ
ฉันลองพลิกอ่านไม่กี่หน้าก็รู้สึกว่าเนื้อหาค่อนข้างมีประโยชน์
อาจเป็นเพราะฉันดูเหม่อลอยอย่างชัดเจนเกินไปฉินกวนเลยถามฉันว่าฉันยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเก็บเด็กไว้ใช่ไหม? เฉียวอี้คงไม่บอกเขาแม้แต่เรื่องนี้หรอกใช่ไหม? ปากสว่างขนาดนี้
“เฉียวอี้ไม่ได้พูดอะไร แต่เป็นผมที่มองออกว่าคุณกำลังลังเล คุณกังวลอะไร? อนาคตระหว่างคุณกับสีชิงชวนเหรอครับ?”
ฉันก้มหน้าลงและแกะเล็บ ฉินกวนจับข้อมือฉันและดึงมือออก
ฝ่ามืออุ่นๆ ของเขากดลงบนหลังมือของฉัน ซึ่งทำให้หัวใจที่กระสับกระส่ายของฉันค่อย ๆ สงบลง
ฉันไม่ได้ตอบว่าใช่หรือไม่ ฉินกวนตบหลังมือของฉันเบา ๆ แล้วพูดกับฉันว่า “ถ้าคุณยังลังเลงั้นแสดงว่าคุณยังต้องการรักษาเขาไว้ ชีวิตหนึ่งไม่สามารถเอามาชั่งน้ำหนักเทียบกับชีวิตที่ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในใจของคุณรู้ดีที่สุด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...