ความจริงระยะทางจากเซียวซื่อกรุ๊ปถึงบ้านตระกูลสีไม่ได้ไกลกันเท่าไหร่ ประมาณ 20-30 นาทีก็ถึงแล้ว ฉันกลับไปทานที่บ้านตระกูลสีทีเดียวก็ได้ แต่ระยะทางแค่นี้คุณย่ากลัวว่าฉันจะหิวตายซะก่อน
สีชิงชวนบอกให้คนขับขับช้าๆ แล้วเขาก็ถือซุปให้ฉัน เหลือแค่ป้อนฉันอย่างเดียวแล้ว
ฉันถูกดูแลอยู่แบบนี้อย่างกับหมีแพนด้า ยังดีหน่อยที่ฉันรู้ว่าคุณย่าเอ็นดูฉันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ต่อให้ฉันคลอดลูกออกมาแล้ว ท่านก็ยังคงเอ็นดูฉันเหมือนเดิม ฉะนั้นก็คงไม่รู้สึกจิตตก
แต่กับสีชิงชวนฉันกลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่
“ทำไมสีหน้าคุณดูไม่ดีเลย” เขาเอาแต่มองฉันอย่างใจจดใจจ่อตลอดตอนที่ฉันกำลังทานซุป ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉันชินกับสายตาที่เขาใช้มองฉันแบบนั้นแล้ว ฉันก็คงรู้สึกทานไม่ลงจริงๆ
“ไม่มีอะไร” ฉันบอก “คงเพราะจู่ๆ วันนี้ก็มีลมล่ะมั้ง ตากลมมาน่ะ”
“คุณเปิดหน้าต่างห้องทำงานกว้างเกินไปเหรอ? คุณอยู่ชั้นบนสุด เปิดหน้าต่างแค่ครึ่งเดียวก็พอ”
“ฉันตากไปแค่แป๊บเดียว” ฉันทานซุปไปได้แค่ครึ่งเดียวก็ทานไม่ลงแล้ว สีชิงชวนจึงเก็บให้ฉัน จากนั้นลูบมือฉัน “มือคุณเย็นมากเลย ทำไมกินซุปไปแล้วร่างกายยังไม่อุ่นขึ้นอีก เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ทันใดนั้นเขาก็บีบคางฉันเบาๆ และเชยคางฉันขึ้น “วันนี้คุณเจอเซียวซือเหรอ เธอพูดอะไรกับคุณใช่ไหม?”
“ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดที่ว่าเซียวซือพูดอะไรใส่ฉันแค่ไม่กี่คำฉันก็ต้องหน้าซีดหรอกนะ ฉันไม่ใช่นางเอกในนิยายของฉงเหยานะ ที่โดนลมแรงๆ พัดใส่ทีหนึ่งก็ล้มน่ะ ตอนนี้เขาไม่ฮิตคนแบบนั้นกันแล้ว ในละครทั่วไปอยู่ได้ไม่เกินสามตอนหรอก”
สีชิงชวนลูบใบหน้าฉัน “มีเรื่องอะไรคุณก็พูดมา ไม่ว่าเรื่องอะไรผมก็ช่วยจัดการให้คุณได้หมด อย่าเก็บไว้ในใจคนเดียวเข้าใจไหม?”
แล้วเรื่องของเฉียวอี้ล่ะ? เขาจะช่วยอะไรได้?
ฉันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “สีชิงชวน คุณช่วยฉันสืบเกี่ยวกับคนคนหนึ่งหน่อยได้ไหม?”
“ใคร?”
“ผู้หญิงที่ชื่อเจินเสียน”
“เหมือนจะเป็นรองประธานอยู่ที่บริษัทของฉินกวนนะ”
“คุณก็รู้จักเหรอ?”
“ทำในแวดวงธุรกิจด้วยกันก็ต้องรู้จักกันอยู่แล้ว แถมเธอยังทำธุรกิจในต่างประเทศอีก เราเคยร่วมงานกันด้วย”
ก็แหงล่ะสิ เป็นคนกุมบังเหียนในโลกธุรกิจกันทั้งนั้น ยังไงก็ต้องรู้จักกันอย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว
ถ้าเขารู้จักเจินเสียนแบบนี้ก็สืบง่ายแล้วล่ะ
“คุณอยากรู้อะไร?”
“ความสัมพันธ์ของเธอกับฉินกวน”
“เมื่อก่อนเธอเป็นภรรยาเก่าของฉินกวน หย่ากันได้สิบกว่าปีแล้ว”
ทำไมสีชิงชวนก็รู้เรื่องนี้ล่ะ?
“ทำไมคุณไม่บอกฉันว่าฉินกวนเคยแต่งงาน? คุณรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แค่ได้ยินคนอื่นเขาพูดกันบางครั้ง ทำไมคุณถึงสนใจประวัติการแต่งงานของฉินกวนขนาดนี้ เพราะเขาเป็นคนที่อาจจะเป็นพ่อคุณ หรือว่าเพราะเฉียวอี้?”
“ก็ต้องเพราะเฉียวอี้สิ ต่อให้เขาเป็นพ่อฉัน ฉันก็ไม่ก้าวก่ายชีวิตรักของเขาหรอก ยังไงระหว่างเขากับแม่ฉันมันก็ผ่านมาแล้ว อีกอย่างแม่ฉันก็มีพ่อฉันแล้วด้วย”
“ถ้าเป็นเพราะเฉียวอี้ งั้นคุณก็ไม่ต้องเป็นห่วงเธอแล้วหรอก จิตใจเธอแข็งแกร่งจะตาย เรื่องหนักหนาแค่ไหนก็ล้มเธอไม่ลงหรอก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...