สีชิงชวนมาเดินเล่นที่สวนดอกไม้เป็นเพื่อนฉัน อันที่จริงการเดินเล่นก็ดีเหมือนกัน
ยังไงฉันอยู่ในห้องก็คงนั่งไม่ติดที่อยู่แล้ว สีชิงชวนทำตัวอย่างกับเป็นขันทีที่รับใช้ฮ่องเต้อย่างนั้นแหละ
แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้ขนาดนั้นปรนนิบัติอะไรฉันขนาดนั้น ในมือเขาถือจานผลไม้และชาผลไม้ไว้ แค่รอฉันเคี้ยวผลไม้ในปากเสร็จ เขาก็จะจิ้มผลไม้อีกชิ้นมาจ่อที่ปากฉันทันที
“ฮองเฮา ชิมแตงไทยหน่อยไหมพ่ะย่ะค่ะ?” เขาตั้งใจหยอกให้ฉันอารมณ์ดี สีชงชวนวางตัวอ่อนน้อมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉันท้องอยู่ เดาว่าทั้งชาตินี้ก็คงไม่ได้เห็นซีนแบบนี้
ฉันผลักมือเขาออก “ไม่อยากกินแล้ว”
เขาจึงวางจานผลไว้ลงบนโต๊ะหินอ่อน “งั้นจะไปเดินเล่นตรงโน้นหน่อยไหม?”
เขาหมายถึงทะเลสาบหูที่อยู่หน้าบ้านพวกเขา “ไปเดินเล่นริมทะเลสาบก็ดีเหมือนกันค่ะ”
สายลมโชยมาทำให้ชายกระโปรงฉันพลิ้วไหว และผมฉันยุ่งเหยิงไปหมด สีชิงชวนถอดเสื้อโค้ตของเขามาคลุมไหล่ฉันไว้ จากนั้นก็รวบผมฉันไว้และใช้ยางรัดผมมัดเป็นมวยไว้หลวมๆ
ไม่คิดว่าเขาจะมัดผมเป็นด้วย มันทำให้ฉันประหลาดใจมากจริงๆ
แต่ฉันไม่ได้ถามเขา เขาก็พูดขึ้นมาซะเอง “เรามีลูกสาวดีไหม ผมจะได้ถักเปียให้เธอด้วย”
ฉันนึกภาพสีชิงชวนถักเปียให้เด็กผู้หญิงไม่ออกเลยจริงๆ ว่ามันจะเป็นยังไง ตอนนี้ฉันจินตนาการอะไรแบบนี้ไม่ออกเลย
ฉันยิ้มให้เขา “จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉันหรอก แต่เป็นคุณต่างหาก”
เขาเบะปาก “ยีนผมต้องได้ลูกสาวแน่ ต่อให้เป็นลูกชาย ผมก็จะใช้ความคิดผมทำให้เขากลายเป็นลูกสาว”
“คุณชอบเด็กผู้หญิงขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมล่ะ?”
“เด็กผู้หญิงน่ารักจะตาย” คืนนี้ไม่มีดาวเลย แต่เหมือนในดวงตาของเขาจะมีดวงดาวกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด และใบหน้าก็เปี่ยมไปด้วยความใฝ่ฝัน
ฉันไม่มีอารมณ์มาคุยกับเขาเรื่องเพศของลูก ฉันมองโทรศัพท์ไม่หยุด คำนวณดูแล้วเวลานี้เฉียวอี้กับฉินกวนน่าจะเจอกันแล้ว
ฉินกวนได้บอกเฉียวอี้ไปไหม แล้วปฏิกิริยาของเฉียวอี้จะเป็นยังไง?
โทรศัพท์ฉันเงียบตลอดเลย ปกติแล้วถ้าเฉียวอี้เจออุปสรรคในด้านความรัก เธอจะโทรมาร้องไห้คร่ำครวญกับฉันก่อนเป็นคนแรก
แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรเลย งั้นฉินกวนต้องไม่ได้บอกเธอแน่ๆ คงไม่ได้เป็นเพราะว่าฉินกวนยังอยากให้เฉียวอี้ชื่นชมเขาอยู่หรอกนะ ก็เลยยื้อมันออกไปและทำให้เธอเข้าใจผิดต่อไป?
ไม่ได้ แบบนี้ไม่ได้แน่ๆ
จู่ๆ สีชิงชวนก็ก้มหน้าลงมา จากนั้นก็แนบหน้าลงบนหน้าอกฉันและฟังอะไรบางอย่าง
ฉันจับหัวเขาเอาไว้และดันออกไปจากอกของตัวเอง “ทำอะไร?”
“ผมกำลังฟังว่าในอกคุณกำลังมีพรายเงาง้าวอยู่หรือเปล่า”
“หมายความว่าไง?”
“คุณรู้ไหมว่าเมื่อกี้สายตาคุณมันยุ่งเหยิงแค่ไหน เหมือนมีคนกำลังแสดงหนังกำลังภายในอยู่ในหัวคุณเลย”
แม้แต่ความต่อสู้ดิ้นรนของฉันเขาก็ดูออก อย่ามีสายตาที่เฉียบคมขนาดนั้นจะได้ไหม?
ฉันหมุนตัวไปแล้วไม่ยอมให้เขามองหน้า แต่เขาก็ยังจับไหล่ฉันและหมุนตัวฉันกลับไปอีกครั้ง “พูดมา ทำไม่หน้ายุ่งทั้งคืน มีเรื่องในใจกันแน่?”
“ก็มีเรื่องในใจจริงๆ แต่ไม่บอกคุณได้ไหม?”
“ไม่ได้ ต่อไปไม่ว่าคุณจะคิดอะไรผมก็ต้องรู้ทั้งหมด ไม่งั้นผมจะรู้ได้ไงว่าคุณไม่ได้กำลังคิดถึงผู้ชายคนอื่นอยู่”
สายตาของเขาฉายแววยิ้มแย้ม สีชิงชวนก็พูดอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ ทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ
โอเค ยังไงฉันก็หาคนระบายความในใจได้แล้ว “ก็เฉียวอี้น่ะสิ คืนนี้ฉินกวนนัดเฉียวอี้กินข้าวแล้วก็จะคุยกับเธอให้เคลียร์ๆ”
“คุยอะไรให้เคลียร์เหรอ?”
“ตลอดมาเฉียวอี้คิดว่าฉินกวนกับเธอกำลังคบกันอยู่ จู่ๆ ตอนนี้ภรรยาเก่าเขาก็โผล่ขึ้นมา แถมกำลังจะแต่งงานใหม่กันด้วย แบบนี้ไม่ต้องคุยให้เคลียร์หรือไง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...