ฉันต้องการให้สีชิงชวนขับรถให้มันเร็วๆ เหมือนจรวด แต่เขาไม่ได้ขับเร็วขนาดนั้น ฉันก็เลยเร่งเขาตลอดทาง
ฉันถือโทรศัพท์อยู่ในมือและเปิดแผนที่ขึ้น
จุดสีแดงๆ ที่ระบุตำแหน่งที่อยู่ของเฉียวอี้กำลังกะพริบอยู่
“เราเข้าใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คุณไม่ต้องกังวลขนาดนั้นหรอก อีกอย่างนี่มันก็ทางหลวง คุณคงไม่ได้จะให้ผมฝ่าไฟแดงหรอกใช่ไหม!”
“ปกติก็ไม่เห็นคุณเคารพกฎหมายอะไรขนาดนี้นะ” เขาน้อยใจเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม ฉันเป็นคนซื่อสัตย์คนหนึ่งเลยนะ
“คุณเป็นคนซื่อสัตย์ไหมผมไม่รู้”
ฉันคิดว่าเฉียวอี้จะขับรถขึ้นทางด่วน หรือไม่ก็ไปซิ่งรถในสถานที่กว้างๆ โล่งๆ สักแห่ง
แต่เปล่าเลย เหมือนเธอกำลังหยุดนิ่งและยังอยู่ในย่านการค้าใจกลางเมือง
เราเห็นรถของเธอจอดอยู่ด้านนอกบาร์แห่งหนึ่ง หรือว่าเฉียวอี้จะไปบาร์?
จริงด้วย ฉันลืมไปได้ไงว่าเฉียวอี้ยังมีความชอบอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือเธอจะไปดื่มเหล้าแก้กลุ้มที่ที่บาร์เวลาอกหัก
ถ้าเธอไปดื่มเหล้าแก้กลุ้ม แล้วรถเธอจะทำยังไง?
เธอตั้งใจจะดื่มจนเมาแล้วค่อยขับกลับหรือไง?
ฉันลงจากรถและกำลังจะมุ่งหน้าเข้าไปในบาร์ แต่สีชิงชวนกลับดึงฉันไว้ “อะไรคะ?”
ฉันมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์เอามากๆ “เครื่องเสียงข้างในนั้นดังจะตาย มันอึกทึก ตอนนี้คุณเป็นแบบนี้จะเข้าไปได้ไง?”
เขานี่มันน่ารำคาญจริงๆ ตั้งแต่ฉันท้อง สีชิงชวนก็กลายเป็นคนจู้จี้จุกจิกมากขึ้น
“ตอนนี้เฉียวอี้ต้องดื่มหนักอยู่ข้างในแน่ๆ ฉันก็ต้องสนเธอสิ”
“ทำไมผมคิดว่าคุณเหมือนกลายเป็นแม่เฉียวอี้ไปแล้วล่ะ” สีชิงชวนกักขังฉันไว้ในอ้อมแขนไม่ยอมปล่อย เขาก้มหน้ามามองฉัน “จู่ๆ ก็มีลูกสาวอย่างเฉียวอี้โผล่มาแถมโตขนาดนี้แล้ว ผมรู้สึกไม่สบายใจเลย คุณอย่าเป็นแม่เธอเลยเหอะ”
“คุณปล่อยนะ”
“คุณกลับไปรอที่รถดีๆ ผมไปหาเธอข้างในให้คุณเอง”
“คุณไหวเหรอ?”
“เรื่องความแข็งแกร่ง ผมแข็งแกร่งกว่าคุณเยอะ ถ้าเฉียวอี้ไม่มีเหตุผลและไม่ยอมออกมา ผมก็จะแบกเธอออกมาให้สิ้นเรื่อง”
“เอางั้นก็ได้” ฉันบอกอย่างร้อนใจ “งั้นคุณก็ระวังหน่อยนะ ตอนเฉียวอี้รอคุณต้องปลอบโยนเธอนะ อย่าใช้ไม้แข็งกับเธอ”
“คุณกลัวผมจะสู้เธอไม่ได้เหรอ?”
ฉันถลึงตาใส่เขา “ถ้าเธอเมา คุณก็แบกเธอออกมาได้”
“ถ้าเธอไม่เมาสิยิ่งต้องแบกออกมาเลย”
“คุณคิดว่าสภาพจิตใจเธอตอนนี้ ถ้าไม่เมาเธอจะยอมออกมาจากข้าในกับผมไหม? กลับไปรอผมที่รถดีๆ”
เขายังเดินมาส่งฉันที่รถและเปิดประตูยัดฉันเข้าไปในนั้นด้วย
เขาหมุนตัวไปแล้ว แต่ก็หมุนกลับมาเคาะรถอีกรอบ ฉันจึงกดหน้าต่างรถลง “อะไร?”
จู่ๆ เขาก็เอานิ้วมาจิ้มหน้าผากฉัน “ทำไมไม่ระวังเลย คนอื่นมาเคาะประตูมั่วๆ คุณก็เปิดกระจกรถให้หรือไง?”
“คุณเป็นคนอื่นเหรอ?”
“คุณก็มองผมเป็นคนอื่นสิ ถ้าใครมาเคาะกระจกรถห้ามคุณเปิดหน้าต่างหรือประตูเด็ดขาดนะ”
“สีชิงชวน คุณคิดว่าฉันปัญญาอ่อนเหรอ? หรือคุณกันแน่ที่ปัญญาอ่อน?”
ฉันผลักเขาออกไปอย่างสุดจนทน “รีบเข้าไปดูเฉียวอี้เลยนะ คุณมัวแต่มาไร้สาระกับฉันอยู่ได้ เฉียวอี้ดื่มไปเยอะแล้วเนี่ย”
สีชิงชวนเดินเข้าไปแล้ว ฉันนั่งอยู่ในรถและแทบจะเอาหน้าแนบกระจกรถเพื่อมองไปที่ประตูบาร์อยู่แล้ว
ฉันคิดว่าสีชิงชวนกับเฉียวอี้จะอลเวงกันอยู่ในนั้นสักรอบ แต่ผ่านไปได้ห้านาที ฉันก็เห็นว่าสีชิงชวนเดินออกมาแล้ว แถมยังเดินมาคนเดียวด้วย
ฉันรีบเปิดประตูรถและวิ่งลงไปทันที “ทำไมคุณออกมาคนเดียวล่ะ ไม่เจอเฉียวอี้เหรอ?”
“เจอ เธออยู่ในห้องวีไอพี”
“เธอไม่ได้ดื่มเหล้าเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...