พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 42

บางครั้งฉันจะฝันเห็นใบหน้านี้ ทว่าตอนนั้นไม่ได้ชัดและคุ้นเคยเท่าตอนนี้

ตอนนั้นเขายังเด็กอยู่ จูงมือฉันที่เป็นเด็กเหมือนกันวิ่งเล่นบนสนามหญ้าหน้าบ้านฉัน

แม่ของฉันกับแม่ของเขานั่งมองพวกเราตรงระเบียงด้วยรอยยิ้ม หากวิ่งจนเหนื่อย พวกเราก็จะไปดื่มน้ำอ้อยที่คุณแม่แช่แข็งไว้ในตู้เย็น ซึ่งในน้ำอ้อยนี้ได้บีบน้ำมะนาวลงไปด้วย มันจึงทั้งเปรี้ยวและหวานในเวลาเดียวกัน น่าดื่มมาก

มันเป็นช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดสำหรับฉัน ตอนนั้นฉันมีคุณพ่อ มีคุณแม่ มีเพื่อนๆ และมีหนีอีโจว

ต่อมาเฉียวอี้บอกฉันว่านั่นเป็นรักครั้งแรกในวัยเด็กของฉัน แต่ฉันไม่เชื่อหรอก ฉันไม่มีทางมีความรู้สึกด้านนั้นตอนเด็กแน่ ฉันไม่ได้อ่อนไหวกับด้านนี้เลย

ตอนนี้ฉันตระหนักได้ว่าถึงไม่ใช่รักแรก ทว่าก็มีความรัก ความผูกพันซ่อนเร้นอยู่ในนั้น ต่อมาพวกเขาย้ายออกจากเมืองฮวาแล้วไปอยู่ที่ประเทศมาทีส

หลายปีก่อนฉันยังได้รับจดหมายจากเขา แต่หลังจากที่ฉันกลับไปอยู่ที่บ้านตระกูลเซียวหลังคุณแม่เสียชีวิต ฉันก็เขียนจดหมายถึงเขาหลายฉบับ และบอกที่อยู่ใหม่ให้เขาด้วย ทว่าต่อมาฉันก็ไม่ได้รับจดหมายจากเขาอีกเลย

พวกเราจึงขาดการติดต่อนับแต่นั้นเป็นต้นมา ฉันตามหาเขามาโดยตลอด ใช้วิธีการของฉันตามหาเขา

ตอนที่คุณพ่อไปประเทศมาทีสฉันก็ขอร้องให้ท่านช่วยตามหา และตอนที่เซียวซือหนีงานแต่ง ฉันก็ให้เธอช่วยตามหาอีกแรง ทว่ากลับหาไม่เจอเลยสักครั้ง

ที่แท้เขาไม่ได้อยู่ที่ประเทศมาทีส แต่อยู่ที่ประเทศยูร่า

ฉันจ้องเขาด้วยความเซ่อซ่า หัวใจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะพรรณนา มีทั้งดีใจ เซอร์ไพรส์ คือมีครบทุกความรู้สึกจนยุ่งเหยิงไปหมด

เขาเดินเข้ามาแล้วเอื้อมมือมายังฉัน “สวัสดีครับคุณเซียว ผมชื่อหนีอีโจว เป็นทนายในคดีของคุณครับ”

หนีอีโจว ใช่แล้ว ผ่านไปแปดปีเขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว กลายเป็นทนายความ ทว่าเขาก็ยังคงเป็นหนีอีโจวอยู่ดี

ฉันมองเขาแล้วส่งยิ้มซื่อๆ ไปให้ เขายื่นมือมาอีกครั้ง “สวัสดีครับคุณเซียว”

ฉันจึงได้สติแล้วไปจับมือเขา “พี่เสี่ยวฉวน”

ฉันเรียกชื่อเล่นที่ฉันกับเฉียวอี้ตั้งให้เขา เขาชื่อหนีอีโจว พวกเราจึงเรียกเขาว่าเสี่ยวฉวน(โจวกับฉวนล้วนมีความหมายว่าเรือ)

ใบหน้าเขาไร้อารมณ์ หรืออาจถึงขั้นเย็นชาก็ว่าได้ เขาชักมือกลับแล้วนั่งลง จากนั้นก็เปิดเอกสารในมือแล้วดันมาให้ฉันดู “ผมได้รับสายจากอาจารย์ก็รีบมาเลยครับ ตอนอยู่บนเครื่องบินผมได้ทำความเข้าใจเรื่องนี้แล้ว คิดว่าสู้คดีนี้ไม่ยาก แค่ดูว่าพวกเราจะสู้คดีแนวไหนเองครับ”

ฉันชะงักงัน เขาเรียกฉันว่าคุณเซียวและไม่ได้ถามความเป็นอยู่ของฉันเลยสักนิด ระหว่างคิ้วก็เย็นยะเยือกมาก คล้ายกับฉันเป็นคนแปลกหน้าเลย

เขาจำฉันไม่ได้เหรอ? ไม่น่าจะใช่นะ ตอนพวกเราแยกย้ายไปคนละทิศละทาง ฉันก็อายุสิบห้าปี ส่วนหนีอีโจวโตกว่าฉันสามปี ตอนนั้นเขาอายุสิบแปดปีแล้ว ไม่น่าจะลืมฉันนะ

แล้วทำไมเขาถึงเฉยเมยกับฉันเพียงนี้?

ฉันเป็นคนให้ความสำคัญกับความรู้สึกคนหนึ่ง ดังนั้นฉันลืมไปเลยว่าพวกเรากำลังคุยเรื่องงานกันอยู่

ร่างกายฉันเกือบยืดไปยังอีกฝั่งของโต๊ะแล้ว “พี่เสี่ยวฉวนจำฉันไม่ได้เหรอ? ฉันคือเซียวเซิง เสี่ยวเซิงเซิงไง”

“คุณเซียว” เขาแค่กวาดสายตามองฉันด้วยแววตาเฉยชาปราดหนึ่ง “คุณนั่งคุยดีๆ ครับ ถ้าคุณไม่มีข้อคิดเห็นในการสู้คดีนี้ งั้นผมอธิบายกับคุณเลยนะครับ”

ไม่ ไม่ใช่แบบนี้ ภาพที่ฉันเคยจินตนาการตอนพวกเราเจอหน้ากันมันไม่ใช่แบบนี้

หนีอีโจวเห็นฉันแล้วก็ควรวิ่งเข้ามาอุ้มฉันขึ้นสูงๆเหมือนตอนเด็กๆ

พวกเรารู้จักกันใหม่ๆ ในตอนที่ฉันยังอายุน้อย แต่เขากลับตัวสูง เขามักจะอุ้มฉันขึ้นสูงๆ แล้วคุณแม่เขาและคุณแม่ฉันก็จะตกใจมาก

“เสี่ยวฉวนรีบวางเสี่ยวเซิงลง เดี๋ยวเธอจะตกลงมา”

ฉันเคยคิดว่าตอนที่เจอหน้ากันต้องเป็นฉากซาบซึ้งกินใจฉากหนึ่ง ฉันจะร้องไห้น้ำตาอาบแก้ม ส่วนเขาก็จะกอดฉันแน่นไม่ปล่อย ซึ่งไม่ใช่แบบนี้เด็ดขาด

เขาเฉยชาคล้ายกับไม่รู้จักฉันเลย

ต่อจากนั้นเขาพูดอะไรฉันก็ฟังไม่เข้าหูเลย เพราะเหมือนจะมีผึ้งบินวนเวียนอยู่ในหูแล้วส่งเสียงรบกวนฉัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)