ฉันไม่ได้ไปที่บ้านของหนีอีโจว แต่ไปที่โรงแรม
ถึงโรงแรมแล้วฉันยังไม่ทันได้นั่งเลย แต่ข่าวเกี่ยวกับฉันออกมาแล้ว
ฉันเพิ่งเปิดโทรศัพท์ สายของเฉียวอี้ก็โทรเข้ามา
เสียงของเธอแหบแห้ง "เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมเธอไม่บอกฉันเลยเซียวเซิง "
"เรื่องมันเกิดขึ้นเร็วมาก" ฉันพูดได้แค่นี้
แต่ที่สำคัญคือฉันรู้ว่าช่วงนี้เฉียวอี้ก็กดดันมาก แม่ของเฉียวอี้โวยวายใหญ่โต ต้องการให้พ่อของเฉียวอี้โอนหุ้น 50% ของเฉียวกรุ๊ปให้เฉียวเจี้ยนฉี
ได้ข่าวว่าพ่อเฉียวก็ทนไม่ไหว เลยกะว่าจะโอนหุ้นทั้งหมดให้เฉียวเจี้ยนฉีล่วงหน้า
เฉียวอี้ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้กับฉัน ฉันรู้ว่าเธอกลัวว่าฉันจะอารมณ์เสีย
เธอวุ่นวายขนาดนี้ ฉันจะเอาเรื่องของฉันไปรบกวนเธอได้ยังไง?
ฉันบอกว่าไม่เป็นไร เฉียวอี้ตะโกนผ่านโทรศัพท์ "ยังจะไม่เป็นไร โอนหุ้น 30% ของเธอให้เซียวซือไปฟรีๆ นั้นแปลว่าอะไร? ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเธอพูดเรื่องนี้ แล้วก็เรื่องตึกไม้หลังเล็กของแม่บุญธรรมก็รื้อทิ้งแล้ว เซียวเซิง เธอยังถือว่าฉันเป็นเพื่อนไหม”
"เฉียวอี้..." ฉันได้ยินว่าเสียงของเฉียวอี้อู้อี้เล็กน้อย จมูกของฉันก็หน่วงๆ ด้วย
แต่จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองดูเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม ไม่ชอบร้องไห้เหมือนแต่ก่อนแล้ว
เพราะฉันรู้ว่าร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์ เคยมีหนังชื่อ มอสโกไม่เชื่อเรื่องน้ำตา แต่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนเป็นโลกนี้ไม่เชื่อเรื่องน้ำตา
กลับกันฉันยังต้องปลอบใจเฉียวอี้ เธอถามฉันว่า "ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน"
"ฉันอยู่โรงแรม"
"ทำไมถึงไปอยู่ในโรงแรม? มาที่บ้านฉันเร็วเข้าให้ไว!"
“ไม่เป็นไร มีพี่เสี่ยวฉวนอยู่เป็นเพื่อนฉัน”
“อ้อ” เมื่อได้ยินว่าหนีอีโจวอยู่ เสียงของเฉียวอี้ก็ผ่อนคลายลง
“โอเค ถ้ายุ่งเสร็จแล้วจะรีบไปหานะ เดี๋ยวส่งเลขห้องมาให้ฉันด้วย”
"โอเค" ฉันวางสายเฉียวอี้ไป และหนีอีโจวกำลังรินชาให้ฉัน
แม้ว่าฉันจะจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดีนัก แต่อย่างน้อยเมื่อเรื่องเกิดฉันก็ไม่ได้คิดจะขอความช่วยเหลือจากเฉียวอี้หรือสีชิงชวนเป็นคนแรก
ใช่สิ สีชิงชวนน่าจะรู้สถานการณ์ของฉันแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้โทรหาฉัน
เขายังจะโทรหาฉันได้ไง
เขาเป็นคนหยิ่งยโสขนาดนั้น ครั้งนี้นับว่าฉันทำให้เขาเจ็บแสบมาก
เขาปล่อยให้ฉันออกจากตระกูลสีอย่าสงบ แปลว่าเขาใจดีมากแล้ว
หนีอีโจวอยู่เป็นเพื่อนฉันในห้อง ฉันบอกให้เขาไปยุ่งเรื่องตัวเองเขาก็บอกว่าจัดการที่นี่ก็ได้
ดังนั้นฉันจึงเอนกายดูทีวีบนเตียง หนีอีโจวนั่งทำงานที่ห้องนั่งเล่นด้านนอก
ในขณะนี้ฉันไม่ได้คิดอะไรในใจ รู้สึกว่าค่อนข้างสงบ
อาจเป็นเพราะมีเรื่องราวเกิดขึ้นกับฉันมากเกินไปจนฉันรู้สึกเฉยชาไปบ้างแล้ว
ขณะนั้นเอง เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น ฉันกระโดดขึ้นจากเตียง แล้วพูดกับหนีอีโจวที่กำลังจะลุกขึ้นว่า "นั่งเฉยๆ เถอะ ฉันไปเปิดประตูเอง"
นอนเล่นมาตลอดบ่ายรู้สึกเบื่อมาก ฉันใส่รองเท้าแตะไปเปิดประตู น่าจะเป็นเฉียวอี้
ไม่มีใครรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ยกเว้นเธอ
ฉันเปิดประตูไปด้วยพูดกับคนข้างนอกไปด้วยว่า "เฉียวอี้ ทำไมมาเร็วจัง? ไหนบอกว่าคืนนี้มีงานเลี้ยงไม่ใช่เหรอ? อย่าปัดงานเลี้ยงทิ้งเพราะฉัน..."
แต่ก่อนที่ฉันจะพูดจบประโยค หัวที่ก้มอยู่ก็เหลือบไปเห็นขาของอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ของเฉียวอี้
ฉันเงยหน้าขึ้นดู ก็เห็นว่าเป็นสีชิงชวน
วันนี้อากาศค่อนข้างเย็น เขาสวมเสื้อสเวตเตอร์คอเต่าสีน้ำตาลและแจ็คเก็ตลายสก็อตสีเขียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...