ต่อมาคุณแม่เฉียวได้เชิญอู๋ซือเหมยมาพบที่บ้าน และได้เรียกฉันกับเฉียวอี้มาด้วย
เธอพูดกับอู๋ซือเหมยด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง อู๋ซือเหมยวันนี้เธอแต่งตัวเกินจริงมาก เธอสวมชุดกี่เพ้าลูกไม้ปักด้วยดอกโบตั๋น
อู๋ซือเหมยเธอรูปร่างผอม ซึ่งเธอสวมชุดกี่เพ้าก็ดูจะไม่น่าเกลียด ทว่าเธอผอมมากเกินไปจนเห็นเส้นเลือดปูดที่คอ และก็ย้อมผมสีทอง ซึ่งเหมือนกับไก่งวงที่แก่และไร้เรี่ยวแรง
ตอนที่เธอมามีท่าทางเย่อหยิ่งและพาคนมาเป็นจำนวนมาก ราวกับว่าจะไปร่วมงานเลี้ยงที่หงเหมิน บอดี้การ์ดที่เธอพามาล้อมรอบโซฟาที่พวกเรานั่งอยู่ทั้งด้านในและด้านนอกอย่างมิดชิด
เฉียวอี้และคุณแม่เฉียวสงบนิ่ง ถ้าเป็นเฉียวอี้เมื่อก่อนก็คงกระโดดออกมาแล้ว ทว่าตอนนี้เธอดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าแต่ก่อน
อู๋ซือเหมยพาบอดี้การ์ดมาตั้งมากมาย และเธอที่ดูดุร้ายแต่ก็ผ่านอะไรมาตั้งมากมายในชีวิต
คุณแม่เฉียวค่อย ๆ ชงชากังฟูให้กับอู๋ซือเหมยดื่ม อู๋ซือเหมยที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางอกผายไหล่ผึ่ง เชิดหน้าขึ้นสูงสีหน้าดูถูกเหยียดหยามแล้วพูดว่า “ อวี๋ฝานฉิน ทำอะไรของเธอ จะทำดีกับฉันงั้นหรือ อวี๋ฝานฉินเธอเก่งมากไม่ใช่เหรอ ทำไมล่ะ ตอนนี้ไม่มีเฉียวว่านซานเป็นที่พักพิงแล้ว เธอก็เหมือนกับกลุ่มดินโคลนเหลว ”
อู๋ซือเหมยผ่านอะไรมาตั้งมากมายหลายปีแล้วเธอยังคงปล่อยวางไม่ได้ ทุกครั้งที่เธอเห็นเฉียวเธอก็เอาแต่ด่าทอ หรือไม่ก็ทำเป็นด่ากระทบเฉียว
คุณแม่เฉียวบอกฉันว่าความจริงแล้วอู๋ซือเหมยเองนั่นแหละที่ปล่อยวางไม่ได้ ปล่อยให้ตัวเองทนทุกข์ทรมานมาตั้งหลายปี
ถ้าหากว่าเธอรีบปล่อยวางให้เร็วกว่านี้ื ด้วยฐานะหน้าตาของเธอสามารถหาคนที่รักเธอหมดหัวใจได้
เส้นทางชีวิตเราต่างต้องเดินเอง เธอต้องการบีบให้ตัวเองไปอยู่ในที่สิ้นหวังก็จนปัญญา
คุณแม่เฉียวชงชากังฟูเสร็จจึงได้รินใส่ถ้วยต่อหน้าอู๋ซือเหมย
อู๋ซือเหมยปฏิเสธที่จะดื่ม ก้มหน้ามองใบชาสีเขียวอ่อนเล็ก ๆในถ้วยชาแล้วพูดว่า “ หล่อนอยากวางยาให้ฉันตายงั้นหรือ ”
คุณแม่เฉียวไม่ได้ถือสาอะไรเธอ และยกถ้วยชาที่อยู่หน้าตนเองดื่มเข้าไป ฉันและเฉียวอี้ได้ดื่มชาในแก้วจนหมด ชาหอมมาก ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น
อู๋ซื้อเหมยเชิดหน้าชูคอยิ้มเยาะด้วยท่าทีที่ดูถูกเหยียดหยามแล้วพูดว่า “ ดูตัวเธอเองตอนนี้สิ เฉียวว่านซานก็ตายไปแล้ว ดังนั้นเลยทำเป็นอ่อนแอกับฉันงั้นเหรอ ไม่รู้ว่าถ้าเฉียวว่านซานเป็นสีหน้าของเธอนี้จะรู้สึกอย่างไรนะ ”
“ อู๋ซือเหมย ” คุณแม่เฉียวดื่มชาของตนเสร็จเงยหน้าขึ้นมองอู๋ซือเหมยแล้วพูดว่า คุณต่อสู้กับฉันมาหลายปี แต่คุณก็ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้ผลลัพธ์แก่คุณเดี๋ยวนี้
อู๋ซือเหมยจองคุณแม่เฉียวตาไม่กระพริบ
“ การสมรสของคุณกับว่านซานยังคงอยู่ ดังนั้นสิ่งเหล่านั้นที่คุณเรียกร้องมันก็สมเหตุสมผลตามหลักกฎหมายแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของว่านซานรวมทั้งคฤหาสน์หลังนี้ต่างก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน ”
“ เดิมทีมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธออยู่แล้ว ” อู๋ซือเหมยพูดแทรก
“ คุณโปรดรอให้คุณแม่ฉันพูดให้จบก่อนนะคะ ” เฉียวอี้พูด
อู๋ซือเหมยต้องยอมหยุดพูดอย่างไม่พอใจ
“ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มรดกทั้งหมดของว่านซานฉันไม่ต้องการแม้แต่สักแดงเดียว และฉันก็ต้องการออกไปจากเมืองฮวาไปสักระยะหนึ่ง เดิมทีฉันก็ไม่ได้ชอบที่นี่ มันเสียงดังรบกวนเกินไป ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...