เราประคองคุณแม่เฉียวขึ้นไปข้างบน จู่ๆ อู๋ซือเหมยก็ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง “อวี๋ฝานชิ่น นี่มันอะไรของเธอ? เธอสู้เก่งนักไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ๆ ก็หงอแล้วล่ะ? เธอเป็นเทพีแห่งสงครามมาตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่ใช่หรือไง? ทำไมแค่แป๊บเดียวก็กลายเป็นคนขี้ขลาดซะแล้วล่ะ?”
อู๋ซือเหมยคนนี้แปลกมากจริงๆ การที่เธอมาก่อกวนคุณแม่เฉียวนานขนาดนี้ก็เพราะว่าเธออยากให้คุณแม่เฉียวพ่ายแพ้เธออย่างย่อยยับและไม่เหลืออะไรเลยไม่ใช่เหรอ?
ตอนนี้เธอได้ในสิ่งที่ต้องการและได้รับชัยชนะแล้ว ทำไมฟังน้ำเสียงเธอแล้วรู้สึกเหมือนมันเจือความผิดหวังอยู่ด้วยล่ะ?
หรือเธอจะต่อสู้จนติดเป็นนิสัยแล้ว พอตอนนี้ไม่มีใครสู้กับเธอแล้ว เธอก็เลยไม่ชิน
ไม่มีใครจะเล่นกับเธอไปได้ตลอด ตอนนี้คุณพ่อเฉียวไม่อยู่แล้ว คุณแม่เฉียวก็ต้องคิดว่าทั้งหมดนี้มันน่าเบื่อ
ก่อนหน้านี้อู๋ซือเหมยมาก่อกวนอยู่ตลอดเวลา คุณแม่เฉียวไม่มีทางเลือกก็เลยต้องรับมือกับการโจมตีของเธอ แต่อู๋ซือเหมยกลับถือว่ามันเป็นเรื่องปกติในชีวิต
คุณแม่เฉียวพูดขึ้นอีกครั้งและบอกกับพวกเรา “ปล่อยเธอพูดต่อไปเถอะ เราขึ้นไปเก็บกระเป๋าข้างบนกัน”
เราประคองคุณแม่เฉียวเดินขึ้นไปชั้นบน แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงของอู๋ซือเหมยดังมาจากด้านหลัง
เธอโผเข้ามาและคว้าแขนของคุณแม่เฉียวไว้ โชคดีที่เราสองคนประคองเธอไว้ ไม่งั้นคุณแม่เฉียวต้องถูกเธอกระชากตกลงไปชั้นล่างแน่
อู๋ซือเหมยอยู่ในอาการบ้าคลั่ง “เธอหมายความว่าไง? งี้เธอก็ยอมแพ้แล้วงั้นสิ งั้นเธอบอกกับฉันมาหน่อยซิ บอกว่าอวี๋ฝานชิ่นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอู๋ซือเหมย และเธอก็ยอมแพ้แล้ว”
“พอได้แล้วมั้ง” เฉียวอี้ประคองคุณแม่เฉียวไว้แน่น “ทุกอย่างที่คุณต้องการ เราก็ให้คุณไปหมดแล้ว คุณยังจะมาก่อกวนอยู่ที่นี่อีกทำไม?”
“อวี๋ฝานชิ่น” ฉันและเฉียวอี้ยืนขวางอยู่ข้างหน้าคุณแม่เฉียว อู๋ซือเหมยจึงเข้าใกล้ท่านไม่ได้ เธอยืนอยู่บนบันไดและตะโกนออกมาอย่างไม่สงวนท่าที “นี่ไม่ใช่สไตล์ปกติของเธอนี่นา เธอควรจะไปหาทนายมาฟ้องฉัน เธอควรจะตั้งข้อสงสัยทุกอย่างเกี่ยวกับฉัน แล้วเธอก็ค่อยแพ้ให้ฉัน แพ้อย่างย่อยยับ ไม่ใช่แสร้งทำเป็นใจกว้างแล้วก็ยอมจำนนทุกอย่างแบบนี้”
“โอเค” คุณแม่เฉียวยังเฉยชาอยู่เหมือนเดิม “ฉันพูดตอนนี้เลย ฉันแพ้เธอ อู๋ซือเหมย เธอเก่งมากๆ เธอได้ในสิ่งที่ฉันควรได้ไปทุกอย่าง ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ แบบนี้ก็น่าจะพอแล้วใช่ไหม!”
คุณแม่เฉียวพูดจบยังไม่ทันได้หมุนตัวไป อู๋ซือเหมยก็กรีดร้องเสียงแหลมยิ่งกว่าเดิม “ไม่ เธอเก่งนักไม่ใช่เหรอ? เธอเป็นเทพีแห่งสงครามไม่ใช่เหรอ? เธอรีบยกดาบกับโล่ขึ้นมาสิ มาสู้กับฉันให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลย! ทำไม? เฉียวว่านซานตายแล้ว เธอก็จะมานั่งเศร้าโศกเสียใจอยู่กับตัวเองที่นี่ เธอคิดว่าเขาจะซาบซึ้งใจจนผุดขึ้นมาจากหลุมหรือไง?”
คุณแม่เฉียวไม่สนใจเธออีกและปล่อยให้เธอพูดไป
เราประคองท่านขึ้นไปชั้นบน ไม่ได้มีแค่เธอที่มีบอดี้การ์ดตามมา บ้านตระกูลเฉียวก็มีบอดี้การ์ดเช่นกัน พวกเขาขวางอู๋ซือเหมยไว้ไม่ให้เธอขึ้นมาข้างบน “คุณอู๋ครับ ตอนนี้ที่นี่ยังเป็นคฤหาสน์ของคุณผู้หญิงอวี๋ครับ กรุณาอย่าทำอะไรให้มันเกินไปเลยครับ”
พวกเราและคุณแม่เฉียวขึ้นมาชั้นบนแล้ว ยังคงได้ยินเสียงกรีดร้องที่เกือบจะสิ้นหวังของอู๋ซือเหมย “อวี๋ฝานชิ่น อวี๋ฝานชิ่น เธอยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ง่ายๆ หรอก แค่แป๊บเดียวเธอก็กลัวแล้วเหรอ? เธอทำแบบนี้ยอมรับแล้วใช่ไหมว่าขี้ขลาด?”
อู๋ซือเหมยเสียงดังมากจริงๆ เราเข้ามาในห้องและปิดประตูลงแล้ว แต่ก็ยังได้ยินเสียงของอู๋ซือเหมยอยู่เลย
คุณแม่เฉียวเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องไปสนใจเธอ”
“เธอมาหาเรื่องคุณแม่จนติดเป็นนิสัยแล้วหรือไง?” เฉียวอี้พูดอย่างจนปัญญา
“เธอไม่ได้ติดเป็นนิสัยหรอก เธอเปลี่ยนโฟกัสในชีวิตเธอมาเป็นเรื่องนี้หมดแล้ว เป้าหมายเดียวของเธอคือสู้กับแม่ แต่อยู่ๆ แม่ก็ไม่สู้กับเธอแล้ว และยกทุกอย่างให้เธอ เธอก็เลยปรับตัวไม่ได้”
ทันใดนั้นฉันก็เข้าใจขึ้นมาทันที ความจริงอู๋ซือเหมยไม่ได้อยากได้ทรัพย์สมบัติและหุ้นพวกนี้มากมายอะไรขนาดนั้นตั้งแต่แรก
เธอแค่อยากใช้ของพวกนี้สร้างพันธะข้องเกี่ยวสุดท้ายกับคุณพ่อเฉียว จริงๆ แล้วเธอก็เสียใจมากเหมือนกันที่ท่านเสีย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...