ฉันว่าไอคิวและอีคิวของอู๋ซือเหมยน่าจะพอๆ กับเด็กสามขวบ
ไม่น่าล่ะ แม้แต่เฉียวเจี้ยนฉีที่เป็นลูกชายเธอถึงยังไม่อยากยุ่งอะไรกับเขาเลย แถมยังแอบหนีไปหลบที่ต่างประเทศอีก เขาก็เห็นแก่ตัวใช้ได้เลยนะ
เขาเป็นคนที่เข้าใจแม่เขาที่สุด รู้ว่าแม่ของเขาจะต้องทำอะไรบ้าบิ่น แต่เขากลับไม่สนใจและปล่อยให้เธอทำต่อไป
คุณแม่เฉียวนิ่งมาก แต่เฉียวอี้กลับฉุนเฉียวอยู่ไม่น้อย
“อู๋ซือเหมยนี่บ้าจริงๆ เธอทำให้หุ้นเฉียวกรุ๊ปของเราเละเทะไปหมด อืม เขาทำแบบนี้แล้วมันมีผลดีอะไรกับเขาเหรอ?”
“อู๋ซือเหมยไม่ได้ต้องการเงิน สิ่งที่เขาต้องการก็คือหาความรู้สึกของการมีตัวตนในการมาก่อกวนพวกเราและพ่อลูก ตอนนี้พ่อลูกเสียไปแล้ว เราก็ไม่เล่นกับเขาแล้ว เขาเลยรู้สึกไม่มีตัวตน เขายังจะเอาหุ้นของเฉียวกรุ๊ปไปอีกทำไม? เอามันไปขายแลกเงินยังจะดีซะกว่า”
“เขาจะเอาเงินเยอะขนาดนั้นไปทำไม?”
“อาจจะไปสร้างวังและก็ไปอยู่เป็นฮองเฮาในนั้น อะไรทำนองนั้นมั้ง” เมื่อเห็นคุณแม่เฉียวที่กำลังยิ้มหยันอยู่ ฉันก็รู้สึกนับถือท่านจริงๆ ที่ท่านยังยิ้มออกแม้ในช่วงเวลาแบบนี้
แต่ฉันคิดว่าอู๋ซือเหมยน่าจะทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้นได้จริงๆ
“งั้นตอนนั้นทำไง?” ฉันถามเฉียวอี้ จากนั้นเธอก็เหลือบมองคุณแม่เฉียว
คุณแม่เฉียวพูดขึ้น “เมื่อวานยังบอกแม่อยู่เลยไม่ใช่เหรอว่าลูกปล่อยวางทุกอย่างแล้ว? ในเมื่อปล่อยวางหมดแล้ว งั้นลูกก็ปล่อยให้เธอบ้าต่อไปเถอะ อู๋ซือเหมยขายหุ้นของเฉียวกรุ๊ปไปหมดแล้วก็ดีเหมือนกัน ต่อเธอจะขายคฤหาสน์ตระกูลเฉียวด้วย งั้นก็ปล่อยให้เธอทำไป ไม่เป็นไรหรอก”
“แต่นั่นมันเป็นสิ่งที่คุณพ่อทุ่มเททำมานะคะ”
“จำไว้ ลูกมีหุ้นแค่ 12.5% ขอแค่เธอไม่ได้ขายหุ้นลูกไป งั้นเธอจะทำอะไรมันเกี่ยวกับอะไรลูกเหรอ?”
เฉียวอี้ก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไร ที่เธอบอกว่าปล่อยวางคงแค่พูดไปงั้นๆ แต่คุณแม่เฉียวต่างหากที่ปล่อยวางจริงๆ
รถเคลื่อนตัวต่อไปตามทางโดยไม่มีวี่แววว่าจะหยุดลง
สายของเลขาที่โทรเข้ามาสร้างระลอกคลื่นให้กลับภายในรถได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นบรรยากาศภายในรถก็กลับมาสงบเหมือนก่อนหน้านี้ ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก
มีเพียงฉันที่กำลังคิดว่า ทำไมเซียวซือถึงซื้อหุ้นของเฉียวกรุ๊ปไปเยอะขนาดนั้น ตอนนี้เงินทุนของเซียวซื่อกรุ๊ปค่อนข้างขัดสน ไม่เหมาะจะมาซื้อหุ้นมากมายขนาดนี้
เธอทำแบบนี้ตีความได้อย่างเดียวว่าเธอกำลังรีบร้อนจะทำให้สำเร็จ เธอคิดจะยึดครองบริษัทใหญ่ในเมืองฮวา ยกเว้นสีซื่อกรุ๊ปและบริษัทอื่นนอกจากสีซื่อกรุ๊ป และเพราะความสัมพันธ์ของเฉียวอี้กับฉันที่ทำให้เซียวซือซื้อหุ้นของเฉียวกรุ๊ปไว้โดยไม่เสียดายเงินทุนจำนวนมหาศาล
อันที่จริงการที่เซียวซือทำแบบนี้มันดูไม่ฉลาดเลย เธอทำแบบนี้จะทำให้อำนาจของเซียวซื่อกรุ๊ปลดลง ถ้าเกิดตอนนี้หนึ่งในคู่แข่งของเซียวซื่อกรุ๊ปเข้ามาขัดขวาง แบบนั้นเซียวซื่อกรุ๊ปก็จะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายทันที
เซียวซือรีบร้อนและอยากทำให้สำเร็จมากจนเกินไป เธออยากพิสูจน์ความสามารถตัวเองให้คนอื่นเห็นจนเกินไป ฉันคิดว่าคนที่เธออยากพิสูจน์ให้เห็นมากที่สุดน่าจะเป็นสีชิงชวน
ถึงแม้ความรู้สึกฉันจะซับซ้อน แต่เรื่องมันก็เป็นไปแบบนั้น งั้นก็คงทำได้แค่ปล่อยมันไป
ตอนนี้ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเซียวซือแม้แต่นิดเดียวแล้ว และฉันก็ไม่มีความสามารถอะไรจะไปพลิกเกมกลับมาด้วย
อีกอย่างฉันความมุ่งมั่นในการต่อสู้ทั้งหมดของฉันคงเหมือนๆ กับเฉียวอี้ มันสูญหายไปพร้อมๆ กับการจากไปของคุณพ่อเฉียวหมดแล้ว
พวกเรามาถึงสนามบิน ไม่มีใครมาส่งเราที่สนามบินเลย ตอนนี้คุณแม่เฉียวและเฉียวอี้อยู่ในสภาวะที่ลูกน้องตีตัวออกหากเนื่องจากหมดอำนาจ พวกผู้บริหารระดับสูงของเฉียวกรุ๊ปเมื่อก่อนไม่มีใครมาส่งพวกเขาสักคน
และเพื่อนคนเดียวของฉันก็คือเฉียวอี้ เพื่อนคนเดียวของเฉียวอี้ก็คือฉัน เราสองคนมองหน้ากันและยิ้มให้กันเจื่อนๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...