ทำไงดี? พอเฉียวอี้พูดมาแบบนี้ ดูเหมือนตรรกะที่ฉันคิดว่ามันไม่มีช่องโหว่อะไรจะมีปัญหาขึ้นมาซะแล้วสิ
นั่นสิ ถึงแม้ว่าเรื่องราวในชีวิตฉันจะซับซ้อนวุ่นวาย แต่ถ้าฉันเกี่ยวข้องอะไรกับพ่อของสีชิงชวนจริงๆ งั้นเขาก็ต้องสืบได้ตั้งนานแล้ว
แล้วเรื่องผลตรวจดีเอ็นเอล่ะจะว่ายังไง บนนั้นเขียนอยู่เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฉันกับพ่อของสีชิงชวนเป็นพ่อลูกกันนะ!
“เซียวเซิง มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่” เฉียวอี้ฮึกเหิมมาก เธอจับแขนฉันไว้แน่น “รูปนั้นล่ะ เธอเอารูปนั้นมาให้ฉัน”
ฉันพกรูปติดตัวอยู่ตลอด ฉันค้นมันออกมาจากกระเป๋าให้เฉียวอี้ดู เธอมองมันแค่แวบเดียวก็ตบต้นขาทันที “แค่ดูก็รู้แล้วว่านี่มันรูปตัดต่อ เธอดูไม่ออกเหรอ? เซียวเซิง?”
ใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะเล็กน้อย “อะไรนะ? ตัดต่อเหรอ?”
“ทำไมแค่ได้รูปมาก็เชื่อแล้วล่ะ? เธอไม่ได้ให้คนไปตรวจสอบดูเหรอ?”
ตอนฉันได้รูปมาฉันไม่ได้เชื่อหรอก แต่เจินเสียนเตือนฉันให้ตรวจดีเอ็นเอ จากนั้นอาฮวาก็เดินถือตะกร้าผ้าเข้ามาห้องฉันพอดี ฉันก็เลยเอาเส้นผมในตะกร้าผ้าเส้นหนึ่งไปตรวจดีเอ็นเอ ตอนนั้นก็เลยไม่ทันได้คิดเรื่องเอารูปไปตรวจสอบ
ฉันคิดว่าการตรวจดีเอ็นเอเป็นอะไรที่แน่นอนที่สุดแล้ว ดังนั้นเมื่อผลการตรวจดีเอ็นเอออกมา ฉันก็มึนไปหมดเลย
ฉันจะไม่เชื่อผลทางวิทยาศาสตร์ได้เหรอ? เพราะงั้นก็เลยไม่ได้ไปสนใจเรื่องรูปอีก
“แต่ผลการตรวจ”
“ไม่ต้องไปสนใจเรื่องผลการตรวจ ถ้าเจินเสียนจ่ายใต้โต๊ะให้หมอที่ทำการตรวจนั่น แบบนั้นไม่ว่าเธอจะเอาผมเธอกับผมใครไปตรวจ ผลตรวจมันก็เหมือนกันนั่นแหละ ต่อให้เธอไปเอาขนจากไม้กวาดไปตรวจ มันก็ตรวจออกมาได้เหมือนกันว่าเธอกับไม้กวาดเป็นพ่อลูกกัน เธอเชื่อไหมล่ะ?”
พอเฉียวอี้พูดใส่ฉันแบบนี้ จู่ๆ ฉันก็ตรัสรู้และเหมือนจะรู้แจ้งขึ้นมาทันที
ตอนนั้นรูปที่เจินเสียนให้มารูปนั้นทำเอาฉันมึนไปหมด ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมากมายขนาดนั้น
แล้วทำไมเจินเสียนต้องทำแบบนี้ด้วย?
ทันใดนั้นฉันก็นึกถึงคำพูดที่ฉินกวนบอกฉันเมื่อครู่ เขาเห็นบันทึกการโทรของเจินเสียนกับเซียวซือว่ามีการติดต่อกันหลายครั้ง เป็นไปได้ไหมที่เธอจะสมรู้ร่วมคิดกับเซียวซือและจัดฉากปั่นหัวฉันแบบนี้?
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ งั้นเซียวซือก็ร้ายกาจมาก และฉันก็โง่มาก ไม่คิดเลยว่าจะตกหลุมพรางของเธอ แม้แต่เรื่องดราม่าน้ำเน่าๆ แบบนี้ฉันก็เชื่อเข้าไปได้
และฉันก็เอาลูกฉันออกเพราะเรื่องนี้
ฉันยกมือขึ้นกุมท้องและเงียบไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน ฉันรู้สึกเหมือนในร่างกายมันมีมดกำลังกัดฉันอยู่ กัดจากข้างในออกมาข้างนอกจนฉันยับเยินไปหมดทั้งตัว
เฉียวอี้โอบไหล่ฉันไว้ เธอไม่ได้ด่าฉันต่อ “เซียวเซิง เธอกลัวว่าเรื่องนี้จะทำให้ชื่อเสียงของสีชิงชวนดูไม่ดี ก็เลยไม่ได้บอกเรื่องนี้แม้แต่กับฉันใช่ไหม?”
ฉันพยักหน้า เธอจึงถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง “เซียวซือรู้ว่าจิตใจเธอเป็นแบบนี้ไง รู้ว่าเธอต้องไม่บอกเรื่องแบบนี้กับใครแน่ เซียวซือก็เลยจัดฉากปั่นหัวเธอแบบนี้ พออยู่ช่วงในเวลาเร่งร้อนเธอก็เลยทำได้แค่ตัดสินใจไปแบบนั้น”
ฉันคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเจินเสียนจะรวมหัวกับเซียวซือ และเหตุผลที่พวกเธอรวมหัวกันก็ยังสามารถอธิบายได้
เพราะเจินเสียนก็มองว่าฉันเป็นศัตรูในจินตนาการของเธอเหมือนกัน คิดว่าฉันเป็นอุปสรรคขัดขวางเส้นทางรักของเธอและฉินกวน
เธอเป็นคนขี้อิจฉาคนหนึ่ง เธอเกลียดมากที่ฉินกวนอยู่กับฉัน เป็นห่วงฉันและช่วยเหลือฉัน
ความอิจฉาริษยาของผู้หญิงมันน่ากลัวจริงๆ ความจริงนอกจากความสัมพันธ์เรื่องคุณแม่ของฉันแล้ว ฉันกับฉินกวนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย
เมื่อครู่ฉินกวนก็อธิบายให้ฉันฟังแล้ว ฉันเชื่อว่าความรู้สึกที่เขามีต่อฉันมันบริสุทธิ์ ไม่ได้น่ารังเกียจแบบที่เจินเสียนคิด
ฉันเชื่อคำพูดของผู้หญิงแปลกหน้าได้ยังไง? ฉันเอาลูกของตัวเองออกจริงๆ เหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...