ฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวที่ระเบียงอย่างกระวนกระวายอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานรายงานผลตรวจก็ออกมา
คุณหมอเรียกพวกเราไปที่ห้องทำงานและส่งมันมาให้ฉัน
ฉันไม่ค่อยกล้าดูมันเท่าไหร่จึงยื่นไปให้เฉียวอี้แทน
เฉียวอี้เปิดรายงานผลตรวจดูพลางบอกกับฉัน “เธอไม่ต้องห่วงหรอกน่า โลกนี้มีไม่เรื่องอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ขนาดนั้นหรอก ถ้ามีจริงๆ แบบนั้นเธอก็ถูกลอตเตอรี่แล้ว”
ลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งแบบนี้ฉันไม่อยากถูกหรอกนะ เฉียวอี้เปิดรายงานผลดูแวบเดียวจากนั้นก็ปิดมันลงอย่างรวดเร็ว
ฉันถามเธอด้วยเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย “เป็นไงบ้าง?”
เธอมองฉัน “เธอเดาสิ”
“ถึงตอนนี้แล้วเธออย่ามัวแต่ล้อเล่นได้ไหม เดาบ้าอะไรล่ะ รีบพูดมาเร็วๆ”
เธอเปิดรายงานขึ้นอีกครั้งและยื่นมาใต้จมูกฉัน “เธอดูสิ เธอกับสีชิงชวนไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลียแม้แต่นิดเดียว ไม่รู้จริงๆ ว่าวันๆ เธอเอาแต่คิดบ้าอะไรอยู่”
ฉันชะโงกหน้าเข้าไปอ่านบรรทัดที่สรุปผลตรวจไว้ก็เห็นตัวอักษรหนาๆ ที่ด้านบนเขียนไว้ว่า “ผู้ตรวจและผู้ถูกตรวจไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกัน”
ฉันถอนหายใจออกมายาวๆ อย่างโล่งอก หินก้อนโตในใจร่วงหล่นลงกับพื้นแล้ว
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ฉันคิดอะไรอยู่กันแน่?
มีความสุข ดีใจ? หรือว่าอะไร
ส่วนใหญ่คงเป็นความหงุดหงิดใจ อย่างน้อยฉันก็ต้องตรวจสอบความสัมพันธ์ของฉันกับสีชิงชวนก่อนสักหน่อย จากนั้นก็ค่อยทำแท้ง
ฉันสติเลอะเลือนจนเอาลูกตัวเองออก
ฉันมองเฉียวอี้อย่างเหม่อลอย เธอเองก็มองฉันอย่างเหม่อลอยเช่นกัน
“เซียวเซิง เธอว่าเวลาเธอทำอะไรก็ชอบทำแบบเอื่อยๆ เฉื่อยๆ ตลอด มีแค่เรื่องนี้แหละ ทำไมเธอถึงไม่ลังเลอะไรเลยนะ เธอเอาลูกบุญธรรมฉันคืนมาเลย!”
เฉียวอี้แค่โวยวายกับฉันไม่เรื่อย ไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิฉันจริงจัง แต่อยู่ๆ ฉันก็แสบจมูกและน้ำตาก็พรั่งพรูออกมา
เมื่อเห็นว่าฉันร้องไห้ เฉียวอี้ก็รีบกอดฉันไว้ทันที “เอาล่ะๆ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว”
“อะไรที่ควรทำก็ทำแล้ว ชัดเจนเลยว่าเราโดนเซียวซือหลอก เซียวซือนี่โคตรร้ายกาจ โคตรโหดเหี้ยม แล้วก็โคตรต่ำช้าเลยจริงๆ”
เฉียวอี้พูดคำว่า ‘โคตร’ เป็นพืด “เซียวเซิง เซียวซือทำแบบนี้กับเรา เราต้องโต้กลับเหมือนหนามยอกที่ต้องเอาหนามบ่งบ้าง”
ฉันไม่พูดไม่จาอยู่นาน เฉียวอี้มองฉันอยู่ตลอดเวลา สีหน้าเธอดูกังวลเล็กน้อย
ฉันชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา “ก่อนหน้านี้คุณแม่สอนฉันอยู่เสมอว่าชีวิตคนเราก็เหมือนกระจกบางหนึ่ง ถ้าหันด้านดีๆ ใส่คนอื่น คนอื่นก็จะแสดงด้านดีๆ ให้เราดูเหมือนกัน คุณแม่พูดถูก”
เฉียวอี้เบิกตากว้างและกลั้นหายใจมองฉัน “เซียวเซิง เธออย่าบอกฉันนะว่าครั้งนี้เธอก็จะปล่อยไปแบบนี้น่ะ”
“ฉันยังพูดไม่จบ…” ฉันมองเฉียวอี้ “ถ้ากระจกบานนี้เป็นกระจกบิดเบี้ยวที่มันสะท้อนแบบผิดรูปผิดร่างล่ะ? งั้นสิ่งที่คุณแม่พูดมันก็ฟังไม่ขึ้นสิ”
เมื่อได้ยินฉันพูดแบบนั้น เฉียวอี้ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกและตบหน้าอกตัวเอง “จริงๆ ที่คุณแม่พูดน่ะถูกแล้ว แต่เราแค่ต้องปฏิบัติกับทุกคนในแบบที่ต่างกัน ถ้าอยากจัดการกับคนเลวๆ แบบเซียวเซิงน่ะ ก็ต้องมีวิธีจัดการกับคนเลวๆ ความเมตตามันใช้ล้างแค้นไม่ได้ พวกเขาไม่มีทางเป็นเหมือนในละครหรอกที่จะซาบซึ้งแล้วก็สำนึกกับความดีของเธอน่ะ”
“เฉียวอี้ เธอไม่ต้องห่วงนะ ครั้งนี้ที่เซียวซือทำร้ายฉัน ฉันจะต้องเอาคืนกับเธอเป็นทบเท่าทวีคูณ”
เฉียวอี้ตบต้นขาตัวเองอย่างตื่นเต้น “เซียวเซิง เธอรู้ไหม? ฉันเห็นไฟแค้นบนตัวเธอ รักษามันไว้นะ ต้องรักษามันไว้!”
ฉันไม่เพียงแต่สามารถรักษาความเดือดดาลของตัวเองไว้ได้ แต่ฉันยังสามารถจุดความมุ่งมั่นในการต่อสู้ของตัวเองให้ลุกไหม้ได้อีกด้วย
อย่าว่าแต่เฉียวอี้เลย แม้แต่ตัวฉันเองยังรู้สึกได้ เหมือนจะมีไฟแค้นที่ลุกโชนพุ่งออกมาจากหัวฉันอย่างนั้นแหละ
ฉันและเฉียวอี้ตั้งใจว่าจะไม่บอกเรื่องที่เราไม่ได้ไปต่างประเทศกับใคร แม้แต่หนีอีโจวก็ไม่รู้
เราไม่ได้กลับไปที่บ้านตระกูลเฉียวและไม่ได้เข้าพักที่โรงแรม เฉียวอี้ยังมีบ้านอีกหลังหนึ่ง เราจึงไปอยู่ที่นั่นกัน
ตอนนี้ฉันกับเฉียวอี้ไม่มีเงินกันเลยสักกะแดงเดียว หุ้นของฉันถูกเซียวซือแย่งไป และยังถูกไล่ออกจากเซียวซื่อกรุ๊ปด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...