ฉันจะโปรยเสน่ห์ยังไง? หรือเธอจะให้ฉันยืนอยู่บนถนน แล้วพอฉันเห็นใครที่ดูเหมือนคนที่ประสบความสำเร็จก็เข้าไปชวนคุย ‘คุณคะ อยากลงทุนกับเราไหมคะ?’
รับรองได้ว่าอีกฝ่ายต้องกลัวจนฉี่ราดแน่ๆ
เฉียวอี้ถามฉัน “ตั้งนานขนาดนี้เธอไม่รู้จักคนที่ประสบความสำเร็จสักคนเลยเหรอ?”
“ก็ไม่เชิงหรอก”
ทันใดนั้นเฉียวอี้ก็ตบต้นขาและยกมือสองข้างมากดไหล่ฉันไว้ด้วยความตื่นเต้นเป็นพิเศษ ทำเอาฉันตกใจหมด “ฉินกวนไง ฉินกวนรวยมากไม่ใช่เหรอ? เราให้เขามาลงทุน เขาต้องช่วยเราแน่ อีกอย่างฉินกวนกับเซียวซื่อกรุ๊ปก็ร่วมงานกัน ใช้นามบริษัทฉินกวน เซียวซือต้องเชื่อสนิทใจแน่ๆ”
“อย่าเลย เขาทำธุรกิจถูกต้องเป็นงานเป็นการ อย่าลากเขามาร่วมวงด้วยเลย”
“อะไรคือธุรกิจถูกต้องเป็นงานเป็นการ แล้วเราไม่ได้ทำธุรกิจถูกต้องเหรอ?”
“ความสัมพันธ์ของฉันกับฉินกวนมันซับซ้อน เธอก็รู้นี่”
เฉียวอี้ถอนหายใจ “ช่างเถอะ ฉันก็รู้ว่าเธอไม่อยากไปหาเขาหรอก”
ฉันกับเฉียวอี้ขลุกตัวอยู่ในคฤหาสน์ของเธอหลายวัน เฉียวอี้บอกว่าเธออึดอัดจนตัวแทบจะเป็นขนแล้ว อยากออกไปกินหม้อไฟข้างนอก
ฉันคิดไปคิดมาระดับเซียวซือและคนใกล้ๆ ตัวเธอไม่มีใครไปกินอาหารเสียบไม้กันหรอก ฉันก็เลยรับปากไป
ฉันและเฉียวอี้ไปกินที่ร้านอาหารเสียบไม้ข้างทาง ร้านของเขาขายดีมาก รสชาติก็อร่อยมากเช่นกัน
แต่ร้านของพวกเขามีแต่เก้าอี้สนามและโต๊ะเตี้ยๆ แต่เฉียวอี้ตัวสูง พอเธอนั่งลงบนนั้นแล้วก็ดูเหมือนจะนั่งได้ไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่
เธอบอกว่าเธออยากกินโค้กวานิลลา ร้านนี้จะไปมีได้ยังไง?
ฉันให้เธอถูๆ ไถๆ ไปก่อนแต่เธอไม่เอา ฉันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเดินไปร้านสะดวกซื้อที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ฉันให้เฉียวอี้นั่งลง เธอตัวสูงใหญ่สะดุดตาคน ฉันหวังว่าก่อนที่เราจะคิดวิธีรับมือกับเซียวซือออก อย่าเพิ่งให้เธอรู้ดีกว่าว่าพวกเราไม่ได้ไปต่างประเทศ
ฉันไปที่ร้านสะดวกซื้อและซื้อโค้กวานิลลาให้เฉียวอี้ ขณะที่กำลังคิดเงินอยู่ที่เคาน์เตอร์จู่ๆ ก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินผ่านร้านสะดวกซื้อไป
ชายคนนั้นโอบหญิงข้างกายของเขาด้วยท่าทางสนิทสนม หญิงคนนั้นแต่งตัวหรูหรา อากาศไม่ค่อยหนาวแล้วแท้ๆ แต่เธอก็ยังพาดขนมิงก์ไว้ที่ไหล่ อวดรวยมาก
ผู้หญิงคนนั้นฉันไม่รู้จัก แต่ผู้ชายน่ะ ฉันรู้จักดีเลยล่ะ
เขาคือสามีของเซียวหลิงหลิง เมื่อก่อนฉันเรียกเขาว่าพี่เขย
เขาชื่อเสวียเหวิน และฉันรู้ดีว่าเขาเป็นคนยังไง
ใช้คำว่า ‘พวกบ้ากาม’ มาจำกัดความเขาน่าจะเหมาะสุดแล้ว ตอนที่คุณพ่อยังไม่เสียตอนนั้น เสวียเหวินและเซียวหลิงหลิงกลับมาบ่อยๆ เสวียเหวินชอบฉวยโอกาสตอนที่เซียวหลิงหลิงไม่อยู่ทำเป็นไม่ตั้งใจเข้าหาฉันแต่จริงๆ แล้วเขาตั้งใจ
ทุกครั้งที่เขามาจะแอบเอาของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้ฉัน ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าเซียวหลิงหลิงรู้สึกละอายใจที่ทำเรื่องพวกนั้นกับฉัน ก็เลยชดใช้ให้ฉัน
ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ พวกนั้นที่เขาให้ฉันก็ไม่ได้มีราคาอะไรมาก เป็นพวกกิ๊บติดผมที่เด็กผู้หญิงชอบ หรือไม่ก็น้ำหอมขวดเล็กๆ เพราะเป็นญาติกันฉันก็เลยรับไว้ จากนั้นเขาก็มาลวนลามฉันที่ห้องอย่างไม่ปิดบัง
ตอนนั้นฉันถึงได้เข้าใจว่าเสวียเหวินเป็นผีบ้ากาม ฉันจึงรักษาระยะห่างกับเขาอย่างสุดความสามารถ
ดังนั้นฉันจึงไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เจอเขาแอบมาลักกินขโมยกินข้างนอก
ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าเขาชอบไปสถานบริการมาก มีครั้งหนึ่งที่ถูกเซียวหลิงหลิงจับได้ เธอทั้งร้องห่มร้องไห้ทั้งกรีดร้องทั้งอาละวาด แถมยังไม่ให้เงินเสวียเหวินใช้อีกด้วย
นี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่เสวียเหวินไม่ยอมหย่ากับเซียวหลิงหลิงทั้งที่ไม่ได้สนใจในตัวเธออีกแล้ว เพราะเซียวหลิงหลิงรวย
เพราะฉะนั้นผู้ชายบ้ากามไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้ฉันรู้สึกรังเกียจ แต่เป็นเพราะเขาทั้งโลภทั้งบ้ากามต่างห่างที่ทำให้ฉันรู้สึกเหยียดหยาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...