ป๋ออวี่จะขอคุยกับพวกเรา เขามีเรื่องอะไรจะคุยกับพวกเรากันนะ?
ฉันกับเฉียวอี้ มองตากันสักครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้าให้กัน “ได้สิ งั้นพวกเราจะตามไปลองไปดูซิว่าเขาจะคุยเรื่องอะไร”
คนคนนั้นเดินจากไป เฉียวอี้สตาร์ทรถตามหลังรถของป๋ออวี่ไป
“ไม่รู้ว่าป๋ออวี่จะคุยกับพวกเราเรื่องอะไร คงจะไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีหรอกมั้ง” เฉียวอี้ พูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ “เธอว่าป๋ออวี่จะคุยกับพวกเราเรื่องการประมูลหรือป่าว? เขาอาจจะตัดสินใจส่งงานประมูลนี้ให้พวกเราก็เป็นไปได้ เธอว่าไหม?”
“สวยตายเลยเธอ” เรื่องแบบนี้แค่คิดก็รู้สึกว่าได้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ “เธออย่าคิดไปว่าฉันมีเสน่ห์ขนาดนั้น ถึงเขาจะยกให้พวกเรา พวกเราสองคนขนาดบริษัทยังไม่มีเลย เธอจะไปหาเงินจำนวนเยอะขนาดนั้นได้ไหม?”
“เป็นหุ้นส่วนในการประมูลก็พอแล้ว การเป็นหุ้นส่วนกับการแบ่งปันตั๋วการประมูลไม่เหมือนกันนะ การแบ่งตั๋วประมูล คือการเอาโครงการนี้แบ่งงานให้บริษัทอื่นเป็นคนทำ ทำสัญญาให้พวกเขารับช่วงต่อ แต่การร่วมหุ้มคือสองบริษัททำงานด้วยกัน เซียวเซิง ฉันรู้สึกว่าตอนนี้ที่มีเสน่ห์นั้นนะ” เฉียวอี้ขับรถไป ยื่นมือออกมายกที่คางฉัน “แม่สาวน้อย เสน่ห์ของเธอมันร้ายนัก”
ฉันไม่คิดแบบนั้นหรือป๋ออวี่อาจจะคุยกับพวกเราเรื่องของสีชิงชวนหรือป่าว?
พวกเราตามป๋ออวี่ไปตลอดทาง ขับรถไปค่อนข้างนานเหมือนกัน ขับไปถึงสนามด้านนอกอันหนึ่ง
มองจากข้างนอกเข้าไปข้างใน น่าจะเป็นที่พักอาศัยส่วนตัวของใครสักคน ดูงดงามและแปลกตาแนวโบราณ แต่ดูมีความงามศิลปะ ฉันรู้สึกว่าเหมาะกับสไตส์ของป๋ออวี่ดี
นี่น่าจะเป็นที่อยู่ของป๋ออวี่ เขาพาพวกเรามาที่พักของเขาอยากจะคุยกับพวกเราเรื่องอะไรกันแน่ ตอนนี้ฉันรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมานิดนึง
รถของพวกเราขับตามรถเขา เข้าไปในสวนสนาม จากนั้นก็ไปจอดรถที่โรงจอดรถ
ป๋ออวี่ลงจากรถ พวกเราก็ลงจากรถไปพร้อมกับเขา
พวกเราเดินตามเขาเข้าไปยังห้องรับแขกที่กว้างใหญ่ ภายในตกแต่งด้วยกลิ่นไอแนวโบราณ ห้องรับแขกใหญ่มาก โบราณวัตถุที่สวยงามวางอยู่บนชั้นวางดอกไม้ แต่ไม่ทำให้คนรู้สึกว่ากำลังโอ้อวด
กล่าวโดยสรุป ก็คือดูหรูหราไม่ดูโอ้อวด
ป๋ออวี่เชิญพวกเราให้นั่ง จากนั้นก็เรียกคนให้มาเสิร์ฟน้ำชาและอาหารว่าง
ตอนเดินมา ได้กลิ่นความหอมของชาเขียวนั้น ตอนนี้ได้ถูกวางไว้ต่อหน้าของพวกเรา ป๋ออวี่ก็เปิดประตู เดินเข้ามา
“ฉันรู้ว่าที่พวกเธอมาวันนี้ก็เพื่อตั๋วการประมูลนี้ แต่ก็ไม่คิดที่จะแบ่งตั๋วใช่หรือไม่?”
“เหมือนจะไม่เจียมตัวเลย” ฉันรู้สึกเกรงใจมาก “ถึงแม้จะมีความคิดแบบนี้ แต่ตอนนี้พวกเราไม่มีศักยภาพขนาดนั้น แค่อยากจะไปดูเพื่อสังเกตการณ์แค่นั้น”
“แล้วพวกเธอยังมีความสนใจในโครงการนี้อยู่ไหม?”
“ต้องมีความสนใจอยู่แล้วสิ” ตาของเฉียวอี้เบิกกว้างขึ้นมา “ว่ายังไงป๋ออวี่ นายพูดแบบนี้คืออยากจะส่งตั๋วการประมูลนี้ให้พวกเราใช่ไหม หรืออยากร่วมงานกับพวกเรา?”
ฉันไม่รู้จริงๆ เฉียวอี้เอาความกล้านี้มาจากไหน ถ้าหากเป็นการแบ่งตั๋วการประมูลนี้ พวกเราคงมีหวังได้ล้มละลาย แต่มีเงินออกมาได้นิดนึง
แต่ว่าตอนนี้เธอขอร้องให้คนอื่นร่วมลงทุน ถึงจะเป็นการร่วมลงทุนกันคนละครึ่ง ตอนนี้ พวกเรากลับบ้านไปขายบ้าน ขายทุกอย่างที่มี ก็ยังมีเงินไม่มากพอขนาดนั้น
“สัญญาการร่วมหุ้นส่วนอยู่ตรงนี้” ป๋ออวี่ ผลักเอกสารมาที่ข้างหน้าพวกเรา “พวกเธอลองดูสิ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...