ก็จริง ความสามารถในการดื่มเหล้าฉันไม่ดีเท่าไหร่ ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกเมาหน่อยๆกำลังพอดี
ฉันจิบเหล้าคำเล็กๆอีกหนึ่งคำ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปหาสีชิงชวน
โทรศัพท์ดังอยู่สี่ห้าเสียงถึงรับโทรศัพท์ ฉันคิดว่าสีชิงชวนเห็นเบอร์โทรฉันน่าจะประหลาดใจอยู่
ถ้าเอาตามที่เขาเข้าใจฉัน เขาคงคิดว่าฉันไม่น่าจะโทรหาเขาได้
เขารับโทรศัพท์แล้วพูดด้วยเสียงนุ่มลึกว่า “ฮัลโหล”
พอได้ยินเสียงสีชิงชวนแล้ว ความรู้สึกเหมือนช่วงเวลาช่างยาวนานเหมือนผ่านไปเป็นชาติ เวลานั้นน้ำตาของฉันเกือบจะไหลออกมา
ฉันพยายามทำให้เสียงตัวเองไพเราะเพราะพริ้งมากที่สุดแล้วถามเขา “จะมาดื่มเหล้าด้วยกันหน่อยไหม?”
เขาชะงักไปพักหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงอาการประหลาดใจ “อะไรนะ?”
ฉันพูดว่า “มาดื่มเหล้าด้วยกันไง ที่ฉันพูดไม่ใช่ภาษาจีนเหรอ?ฉันยิ้มๆ แล้วจิบเหล้าไปอีก1จิบ
“เซียวเซิง นี่เธอดื่มเหล้าใช่ไหม?” น้ำเสียงของเขาฟังไม่ได้เย็นชาเท่าที่คิดเอาไว้ ฉันฟังออกว่าเป็นห่วง เขาเป็นห่วงฉัน
“ใช่แล้ว ฉันดื่มเหล้าไปแต่ดื่มไปไม่มาก ฉันรอนายมาดื่มให้เมาไปด้วยกัน”
“เซียวเซิง” เสียงเขาดูมีความอดทนมาก : “นี่เธออยู่ไหน?”
“ฉันอยู่” ฉันหันหน้าถามเฉียวอี้ “ที่นี่ชื่อว่าผับอะไรนะ?”
เฉียวอี้บอกชื่อผับกับฉัน ฉันจึงพูดกับสีชิงชวนว่า “ก็อยู่ที่นี่ ผับที่แพงที่สุดในเมืองฮวา”
“ทำไมถึงดื่มเหล้า?”
“เพราะนายกับเซียวซือกำลังจะหมั้นหมายกันไง เซียวซือเหมาร้านจะให้พวกเราไปเป็นประจักษ์พยานความสุขของเธอ ฉันคิดว่าพระเอกไม่อยู่จะได้ยังไง?
เพราะงั้นฉันก็เลยโทรหานายนี่ไง”
ฉันเอามือจับที่สมองของฉัน พูดกับเขาแบบนั้นไปได้ไง เฉียวอี้ยกนิ้วหัวแม่มือให้ฉัน
ฉันพูดได้ดีเหรอ? ฉันไม่รู้สึกแบบนั้นเลย
“เธออยู่ที่ผับที่เซียวซืออยู่เหรอ?”
“นายวางใจเถอะ ฉันไม่ก่อเรื่องหรอก ฉันไม่ใช่คนนิสัยประเภทนั้นนะ! ฉันเป็นคนได้รับความลำบากอย่างขัดขืนไม่ได้ต่างหากละ จริงไม่จริง? สีชิงชวนนายแค่บอกฉันมาว่านายจะมาหรือไม่มา?
เขากดวางสายไป เฉียวอี้ถามฉันทันทีว่า “เป็นไง เป็นไง เขาจะมาหรือเปล่า?”
ฉันขยักไหล่กางมือออก ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสีชิงชวนจะมาหรือเปล่า
เขาเป็นคนประเภทไม่ชอบถูกคนอื่นคุกคามแล้วเป็นคนไม่ยอมให้ใครมาครอบงำ
พอเขาวางหูใส่ฉัน ฉันหายเมาจากเหล้าทั้งหมดเลย แต่ก็ไม่ได้ถือว่าดื่มไปมาก
“เธอคงจะไม่ท้อใจไปแบบนี้ใช่ไหม?” เฉียวอี้ยกไวน์แดงแก้วหนึ่งให้ฉัน ฉันรับแก้วมาดื่มไปต่อเนื่องหมดไปทีนึงครึ่งแก้ว “ใครบอกละ? จะเป็นไปได้ไง?”
“งั้นก็ดี” เฉียวอี้พูด “งั้นฉันก็วางใจแล้ว”
ตอนนี้ฉันจะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ แล้วจะไม่อะไรนิดหน่อยก็เกิดการท้อใจ
ฉันไปทำร้ายเขาไว้ขนาดนั้น สีชิงชวนจะทำเย็นชามึงทึงใส่ฉันก็ไม่แปลกหรอก
ฉันกะว่าจะนั่งอยู่ที่ผับนี้อีกแป๊บนึงก็จะกลับแล้ว มองดูพวกกลุ่มผู้หญิงเหล่านั้นอวยเซียวซืออย่างเว่อร์วัง แล้วมองดูฉันที่ทั้งดูจืดชืดไม่มีสีสัน
เฉียวอี้ไปห้องน้ำ ฉันคิดว่าพอเธอกลับมาพวกเราก็กลับ เพราะระยะเวลาที่ฉันโทรหาสีชิงชวนก็ผ่านไปนานแล้ว ถ้าเขาจะมาก็คงจะมานานแล้ว
เฉียวอี้ออกมาจากห้องน้ำ ฉันกำลังจะพูดกับเธอว่ากลับกันเถอะ เธอแสดงความดีใจแล้วพูดกับฉันด้วยเสียงเบาว่า “สีชิงชวนมาแล้ว เมื่อกี้ตอนฉันอยู่ในห้องน้ำ เห็นเขาจากทางหน้าต่างเขากำลังจอดรถอยู่”
สีชิงชวนมาจริงด้วย ฉันไม่รู้ว่ามาเพราะฉันหรือเพราะเซียวซือ
เฉียวอี้มองมองฉัน “อืม ตาสว่างเป็นประกาย แก้มระเรื่อเป็นสีชมพู ปากแดงๆ สภาพดูดีใช้ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...