สีชิงชวนอุ้มฉันเดินเข้ามาด้านในห้องของฉัน ขณะที่เขากำลังจะวางฉันลงบนพื้น ฉันสะบัดรองเท้าออกอย่างตั้งใจ “ไม่ได้สวมรองเท้า” ฉันแสดงท่าทางน้อยอกน้อยใจ
เขาก้มศีรษะมองฉันจากนั้นเอ่ยถาม “คุณจะไปไหน?”
“อุ้มฉันไปที่เตียง” ฉันชี้ไปทางห้องนอน
เขาอุ้มฉันเข้าไปในห้องนอนของฉัน วางฉันลงบนเตียง
แต่เรื่องราวไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น มือทั้งสองข้างของฉันคล้องคอเขาไม่ยอมปล่อย เขาไม่มีทางเลือกอื่นทำได้เพียงแค่โน้มตัวลงมา ราวกับสายของคันธนูที่ถูกดึงง้างอย่างเต็มกำลัง
“จะทำอะไรอีก? คุณทำให้เซียวซือโกรธเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว ยังคิดจะทำอะไรอีก?”
“โกรธเป็นฟืนเป็นไฟก็ยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เหรอ หล่อนไม่ได้โกรธจนตายเสียหน่อย”
“โหดเหี้ยมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ต้องการให้เซียวซือตายเลยงั้นเหรอ?”
หล่อนขับไล่ฉันออกจากบริษัท อีกทั้งยังแย่งชิงผู้ชายของฉัน ฉันไม่ต้องการให้หล่อนตายน่ะสิแปลก
ยังมีเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่ง ตอนนี้ฉันยังไม่สะดวกที่จะบอกเขา ฉันกลัวว่าหน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง[1]
หล่อนยังทำร้ายพ่อจนตายอีกด้วย ตอนนี้นับประสาอะไรกับเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้? เพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
ฉันเป็นเหมือนลิงยักษ์ห้อยโหนบนร่างกายของสีชิงชวน ฉันไม่ปล่อยมือเขาก็ไม่สามารถทำอะไรฉันได้
ลักษณะท่าทางของฉันตอนนี้ ชุดสูทที่เขาสวมทับให้กับฉันนั้นร่วงหล่นอยู่บนเตียงแล้ว ชุดประโปรงวาบหวิวก็เปิดกว้าง
จากมุมมองของเขา ชุดนอนบางเบาของฉันนั้นคงไม่สามารถปกปิดอะไรได้อีกแล้ว ทุกสัดส่วนสีชิงชวนก็คงจะมองเห็นหมดแล้ว
ดวงตาของเขาร้อนระอุ แผดเผาผิวหนังทุกตารางนิ้วบนร่างกายของฉัน
ไม่สนแล้ว วันนี้เรื่องที่ได้ทำภายในห้องลองชุดยังไม่เสร็จสิ้น ตอนนี้ถึงเวลาลงมือต่อ
การทำตัวเป็นผู้หญิงเลวบ้างก็สนุกดี ฉันออกแรงคล้องคอสีชิงชวน ดึงใบหน้าของเขาลงมาจากนั้นประทับจูบ
เขาพยายามต่อต้านอย่างสุดกำลัง “คุณบ้าไปแล้ว ประตูห้องของคุณยังเปิดอยู่เลย”
“เปิดก็เปิดสิ เข้ามาชมได้ตามสบาย”
“กลายเป็นคนเปิดเผยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน” สีชิงชวนถูกฉันดึงลงมา ร่างกายของเขาทาบทับอยู่บนร่างกายของฉัน
สีชิงชวนหนักมาก ถูกเขาทาบทับไว้เช่นนี้ฉันหายใจไม่สะดวกเท่าไรนัก ลมหายใจถี่ระรัวขึ้นเล็กน้อย
สายตาของสีชิงชวนพร่าเลือน แม้ว่าเขาปฏิเสธที่จะยอมรับ ฉันเองก็รู้ว่าเขาถูกฉันยั่วยวนแบบนี้เขาแทบจะอดกลั้นไม่ไหว แต่เขายังพยายามควบคุมอารมณ์ เพราะว่าเซียวซือยังอยู่ชั้นล่าง ไม่สามารถทำอะไรเลยเถิด[2]ไปมากกว่านี้ได้
แต่ฉันต้องการให้ทุกอย่างเลยเถิดไปมากกว่านี้ ยิ่งมากเท่าไรก็ยิ่งดี
“การแสดงใกล้จะจบแล้ว” บนร่างกายของฉัน สีชิงชวนยืดตัวขึ้นเล็กน้อย มือทั้งสองข้างของเขาวางลงบนเตียงพลางโน้มตัวเข้าหาฉัน กระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาถูกฉันดึงขาดไปหลายเม็ด มองเห็นกล้ามหน้าอกที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตของเขา
ฉันใช้นิ้วลูบไล้แผงอกของเขา “รูปร่างของฉันไม่ดีงั้นเหรอ? ฉันสวมชุดแบบนี้แล้วไม่สวยเหรอ? คุณเย็นชาขนาดนี้ทำร้ายศักดิ์ศรีของฉันเกินไปหน่อยแล้ว”
เขาหัวเราะอย่างอดไม่ได้ ฟันขาวเรียงสวยดวงตาโค้งงอ “ก่อนหน้านี้เห็นคนมากมายรังแกคุณ ไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงเรื่องศักดิ์ศรีเลย ตอนนี้คุณกลับพูดถึงเรื่องศักดิ์ศรีกับผม”
“ในอดีตฉันสูญเสียศักดิ์ศรีมากมายต่อหน้าคนอื่น ตอนนี้อยากจะทวงคืนเวลาอยู่ต่อหน้าคุณ ไม่ได้งั้นเหรอ?”
ฉันใช้นิ้วมือวาดวงกลมลงบนแผงอกของเขา เขาจับมือของฉันไว้ คาดว่าคงรู้สึกจั๊กจี้จนทนไม่ไหว
“เลิกก่อกวนได้แล้ว”
“ฉันจะก่อกวน” ฉันเข้าใจสถานการณ์ก่อนจะลงมืออยู่แล้ว อย่ามองว่าตอนนี้สีชิงชวนนั้นเอาแต่ปฏิเสธฉัน แต่ทว่าน้ำเสียงของเขาอ่อนโยนเป็นอย่างมาก สายตาของเขายิ่งอ่อนโยน ดังนั้นฉันรู้ว่าต่อให้ฉันจะก่อกวนมากเท่าไรก็ไม่เป็นอะไร
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าตอนนี้คุณจะควบคุมอารมณ์ได้ดีมากขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าคุณไปมีอะไรกับเซียวซือแล้วใช่ไหม?” แค่คิดฉันก็ริษยา ใช้มือคว้าคอเสื้อของเขาไว้ไม่ยอมปล่อย
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับร่างกายของคุณ คุณก็ไม่รู้งั้นเหรอ?” น้ำเสียงของสีชิงชวนเจือมาด้วยความเคร่งครัดและเข้มงวดเล็กน้อย “คุณลองนับวันด้วยตัวเองดู”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...