เซียวซือไม่ได้อยู่ในห้อง ห้องของเธอมืดสนิท
หลังจากที่พวกเราปีนเข้าไป เฉียวอี้ก็คลำๆ เปิดไฟบนผนังห้อง
หลังจากนั้นสิ่งแรกที่ทำก็คือเปิดประตู แต่ว่าห้องนี้ก็ถูกล็อกเช่นกัน
นึกไม่ถึงเลยว่าเซียวซือจะรู้ได้ว่าพวกเราจะปีนมาที่ห้องนี้ ดังนั้นเธอก็เลยล็อกห้องนี้ไว้ล่วงหน้า
หรือว่าเธออาจจะล็อกทุกห้องไว้แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เราหนีออกไป
เฉียวอี้ย่นจมูก “เธอคิดว่าทำแบบนี้จะสามารถกักขังเราไว้ได้เหรอ? ไร้สาระ ยังมีระเบียงอื่นอีกอันหนึ่ง พวกเราปีนลงไปก็ได้”
ฉันไม่ถนัดเรื่องปีนป่ายนัก เฉียวอี้ตบไหล่ฉัน "เธอรอฉันในห้องก่อน ฉันจะลงไปก่อน แล้วค่อยหาบันไดมา"
"มีบันไดอยู่ข้างหน้าเรือนกระจก" ฉันพูด ฉันมั่นใจความสามารถในการปีนป่ายของเฉียวอี้มาก
เฉียวอี้เพิ่งเดินไปที่หน้าต่าง จู่ๆ ก็มีเงามืดแวบออกมานอกหน้าต่าง จากนั้นหน้าต่างก็ถูกปิดลง
ข้างนอกหน้าต่างเหมือนมีคนเอาอะไรมาทาไว้ ฉันได้กลิ่นกาวฉุนขึ้นจมูก
พวกเขาพยายามติดกาวที่หน้าต่างเพื่อไม่ให้เราออกไป
ฉันเข้าใจแล้ว เซียวซือกลัวว่าฉันจะไปก่อกวนงานหมั้นของเธอในวันพรุ่งนี้ เธอจึงกักขังพวกเราไว้
เธอพาเซียวหลิงหลิงไปโรงพยาบาลก่อน จากนั้นฉันก็พาเฉียวอี้เข้าไปข้างใน และเธอก็ขังเราทั้งคู่ไว้ แบบนี้ลำบากแค่ครั้งเดียว แต่สบายไปตลอด
“อีนังชั่ว” เฉียวอี้อดไม่ได้ที่จะด่า “ฉันอยากจะบีบคอเซียวซืออีผู้หญิงคนนั้นให้ตายจริงๆ”
อย่าเพิ่งบีบคอเธอให้ตายเลย ทำไมฉันรู้สึกเวียนหัวเช่นนี้ล่ะ
“เฉียวอี้” ฉันพยุงเธอให้ยืนนิ่ง “เธอได้กลิ่นอะไรเหม็นๆ แปลกๆไหม”
"ฉันได้กลิ่นแล้ว ก็กลิ่นพวกกาวติดแน่นอะไรนั่นไง!”
"ไม่สิ มันไม่ใช่แค่กลิ่นของกาวนะ" ฉันปิดปากและจมูก "ดูเหมือนจะมีสารเคมีด้วย"
“จริงเหรอ?” เฉียวอี้ยังคงดมอยู่ ฉันจึงรีบพูดว่า “อย่าดม รีบปิดปากและจมูกของเธอซะ”
แต่ดูเหมือนว่าจะสายเกินไป ร่างกายของเฉียวอี้จะสั่นไหวเล็กน้อย "เซียวเซิง ทำไมฉันรู้สึกเวียนหัวจัง"
ฉันแน่ใจว่าเซียวซือต้องใส่อะไรบางอย่างไว้ในห้อง มันต้องเป็นก๊าซพิษที่ระเหยง่ายที่สามารถทำให้คนหมดสติได้ แต่ฉันไม่รู้ว่าเธอวางไว้ที่ไหน
หัวของฉันก็วิงเวียนมากเช่นกัน ดังนั้นฉันจึงรีบหาผ้าพันคอไหมมาผูกจมูกของเฉียวอี้ "ไปห้องน้ำกันเถอะ ในห้องน้ำมีหน้าต่าง"
แม้ว่าหน้าต่างจะเล็กมากไม่สามารถปีนออกไปได้ แต่อย่างน้อยอากาศก็สามารถถ่ายเทได้
ในขณะนี้ทั้งเฉียวอี้และฉันรู้สึกวิงเวียนจนจะไม่ไหวแล้ว เราวิ่งไปที่ห้องน้ำแล้วปิดประตู จากนั้นผลักหน้าต่างห้องน้ำออก
เฉียวอี้ดึงผ้าพันคอลง พูดกับฉันอย่างหอบๆ ว่า "เซียวซือร้ายจริงๆ เธอทำให้เราวิงเวียน และพรุ่งนี้เราจะได้ไปทำอะไรเธอไม่ได้"
"ฝันไปเถอะ" ฉันล้างหน้าเพื่อให้ตัวเองเพื่อให้ได้สติขึ้นมาสักหน่อย "เธอคิดว่าถ้าหากไม่มีเรา สีชิงชวนจะยอมแต่งงานกับเธอด้วยความเต็มใจ”
"เซียวซือหลอกตัวเองและก็หลอกคนอื่นมาโดยตลอด”
เซียวซือหลอกตัวเองและหลอกคนอื่นก็ดี หรืออย่างอื่นก็ดี สรุปก็คือตอนนี้ฉันรู้สึกว่าฉันทนไม่ได้อีกแล้ว
เมื่อมองไปที่เฉียวอี้อีกครั้ง ดูเหมือนว่าเธอใจสู้แต่แรงไม่ยอมเป็นใจ ดวงตาของเธอกลอกขึ้น
ฉันเสียใจจริงๆ ที่โทรหาเฉียวอี้ ฉันไม่รู้ว่าเซียวซือเสียสติใส่สารเคมีแบบไหนไปในห้องนี้ ถ้าหากว่ามันเพียงแต่ทำให้หมดสติไปอย่างเดียวก็ดีสิ แต่ถ้ามันมีพิษล่ะก็ฉันก็ทำร้ายเธอจริงๆ สินะ
ฉันยังต้องการพูดกับเฉียวอี้อีก แต่เรี่ยวแรงของฉันทั้งหมดไม่มีแล้ว ตัวของฉันค่อยๆ ถูกับผนังแล้วนั่งลงกับพื้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...