เป็นลูกสุนัขจริงๆ เพราะมันสกปรกเกินไป ดังนั้นในตอนแรกจึงแยกไม่ออกว่ามันเป็นพันธุ์อะไร อายุเท่าไร แต่ฟังจากเสียงร้องของมันแล้ว มันน่าจะยังเป็นลูกสุนัขที่ยังไม่หย่านม
มันดูอ่อนแอมาก และเหมือนกำลังจะตาย ไม่ถูกคนเอามาทิ้งไว้ก็พลัดหลงกับแม่
ฉันยื่นมือออกไปอยากจะลองลูบมันดู แต่ก็กลัวว่ามันจะโจมตีฉัน
ทันทีที่มือของฉันสัมผัสโดนหัวของมัน มันก็หรี่ตาลง
โอ้ มันชอบที่ฉันลูบมัน
มันดูหิวมาก และเบียดตัวอยู่ในฝ่ามือของฉัน
แต่ที่ตัวของฉันไม่มีแม้แต่เจลลี่ชิ้นหนึ่ง จะทำยังไงดี?
ฉันอุ้มมันขึ้นมากอดเอาไว้ มันเบามาก ถ้าไม่มีขนคาดว่าก็คงจะเหมือนกระดูก
เจ้าตัวน้อยเงยหน้าขึ้นมองฉันตาปริบๆ อยู่ในอ้อมกอดของฉัน เห็นท่าทางของมันแล้วทำให้รู้สึกหลงรักจริงๆ
ฉันชอบสัตว์ตัวเล็กๆ มาโดยตลอด ตอนเด็กๆ ฉันกับเฉียวอี้ได้บังเอิญไปเจอเม่นบนภูเขา และไม่รู้ว่านั่นคือเม่น จะพากลับมาและแอบเลี้ยงเอาไว้ สุดท้ายพอมันมีหนามขึ้นตามตัวถึงจะรู้ว่ามันคือเม่น และถูกคุณแม่ของเฉียวอี้ดุอยู่นานเลย
แต่ลูกสุนัขตัวนี้ ทั้งหนาวทั้งหิวทั้งสกปรก ถ้าไม่สนใจมันละก็อีกไม่นานมันก็จะหิวตาย
ตระกูลสีอยู่ตรงหน้า ฉันมาลองคิดดูแล้ว แม้ว่าคุณแม่สีจะไม่ชอบสัตว์ตัวเล็กๆ แต่ฉันแอบพามันกลับไป อาบน้ำให้มัน และป้อนอาหารให้มันได้ หลังจากนั้นค่อยเอามันไปส่งที่โรงพยาบาลสัตว์ ก็น่าจะไม่มีคนรู้
ด้วยเหตุนี้ฉันจึงแอบอุ้มมันเข้าไปในตระกูลสีด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ และไม่มีใครสังเกตเห็นว่าในเสื้อผ้าของฉันมีลูกสุนัขซ่อนอยู่จริงๆ ด้วย ดวงของฉันก็ค่อนข้างดีอยู่เหมือนกันนะเนี่ย แอบเข้ามาในห้องของฉันแล้วและก็ไม่มีใครสังเกตเห็นฉันด้วย
ฉันไม่มีอาหารสุนัข จึงไปที่ห้องครัวขอน้ำแกงหนึ่งชามผสมกับข้าวจากป้าสวี จากนั้นก็หั่นเนื้อเป็นชิ้นเล็กๆ โรยลงไปบนข้าว ฉันลองดมดูแล้วมันหอมมาก
ป้าสวีไม่รู้ว่าฉันกำลังทำอะไร จึงพูดกับฉันด้วยสีหน้าท่าทางตื่นตระหนกว่า “คุณนายสาม ถ้าคุณหิวฉันจะทำอาหารให้คุณทาน ที่คุณทำนี่มันเหมือนอาหารสุนัขเลยนะคะ”
ก็มันคืออาหารสุนัขน่ะสิ ฉันถือจานเดินออกจากห้องครัว “ฉันชอบกินข้าวแบบนี้ค่ะ ไม่ต้องทำอะไรยุ่งยากหรอกค่ะ”
เจ้าลูกสุนัขหิวมากจริงๆ พอฉันวางจานข้าวลงบนพื้นมันก็ก้มหน้ากินใหญ่เลย และยังส่งเสียงกรนครอกๆ ออกมาเหมือนลูกหมู
ข้าวผสมน้ำซุปทั้งจานถูกมันกินหมดภายในห้านาที และดูเหมือนว่ามันจะยังไม่อิ่ม
ไม่ได้กินข้าวมานานจะกินครั้งเดียวให้เต็มอิ่มไม่ได้ ฉันกำลังจะอุ้มมันขึ้นมาและพามันไปอาบน้ำ ทันใดนั้นก็มีคนมาเคาะประตูห้องฉัน
ฉันรีบพามันไปซ่อนใต้เตียง จากนั้นก็ไปเปิดประตู
นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสีจิ่นยวน เขายืนยิ้มอยู่หน้าประตู
“ไง เซียวเซิง”
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมทุกครั้งเขาถึงไม่เรียกฉันว่าพี่สะใภ้สาม ฉันยิ้มให้เขาเช่นกัน “ไง มีอะไรเหรอ? ”
“เปล่าครับ” เขายักไหล่
“อ้อ แต่ฉันมีธุระ งั้นฉันขอปิดประตูก่อนนะ”
แต่เขาใช้มือดันประตูไว้ “สะดวกให้ผมเข้าไปไหม? ”
“ไม่สะดวก” เด็กที่โตในเมืองนอกแบบนี้ล้วนไม่มีข้อห้ามใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าอย่างไรฉันก็เป็นพี่สะใภ้ของเขา จะให้เข้าห้องคงจะไม่สะดวกเท่าไร!
“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”
“ทำงานไปเรื่อย”
เขายิ้ม เขายิ้มสวยมากจริงๆ ดวงตาก็เป็นประกายเหมือนดวงดาว “เซียวเซิง ผมพบว่าเวลาคุณคุยกับผมไม่เหมือนเวลาคุณคุยกับพี่สะใภ้ใหญ่และพี่สะใภ้รอง ทำไมคุณถึงกลัวพวกเธอขนาดนั้น? ตอนเช้าพวกเธอพูดจาแย่ขนาดนั้น คุณควรจะด่ากลับไปสิ”
“ขอบคุณสำหรับความใจกว้างตรงไปตรงมาของคุณนะคะ แต่ฉันไม่ชอบการทะเลาะเบาะแว้ง” ฉันเริ่มผลักเขาออกไป “ขอความกรุณาคุณออกไปดีๆ ได้ไหมคะ ฉันยังมีงานต้องทำ”
“เมื่อกี้ผมเห็นคุณถือจานข้าวผสมน้ำซุปเดินเข้าห้องไป” เขายิ้มจนลักยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
“อ้อ ใช่ค่ะ เมื่อเช้าฉันไม่อิ่ม”
“คุณใช้จานกินข้าวเหรอ? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...