“เป็นไปไม่ได้” ฉันนึกออกเลยว่าถ้าเรื่องแดงขึ้นมาฉันจะมีจุดจบน่าเวทนาแค่ไหน สีจิ่นยวนเป็นลูกชายคนเล็กในบ้าน แน่นอนว่าแม่สีจะต้องทำใจด่าเขาไม่ได้ งั้นคนที่โชคไม่เข้าข้างก็คงมีแค่ฉันเพียงคนเดียว ฉันต้องทำให้เขาตื่นจากความฝันอันแสนหวานนี้สักที “ถ้าคุณจะเลี้ยงเดี๋ยวฉันมอบให้ คุณไปขอแม่เอา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันทั้งนั้น”
“พูดไปตรงๆคงไม่ได้ ทำได้แค่แอบเลี้ยง” ซึ่งเขารู้ตัวดี
“แอบเลี้ยงไม่ได้ งั้นฉันมอบให้คุณ คุณไปเลี้ยงของคุณเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลยสักนิด” ฉันอุ้มลูกสุนัขจรจัดยัดให้กับเขา
เขาอุ้มมันไว้แน่น ท่าทางน้อยอกน้อยใจ “แต่ผมดูแลสุนัขไม่เป็น เซียวเซิง พวกเราช่วยกันดูแลมันดีไหม”
“ไม่ดี อย่ามาแอ๊บแบ๊วใส่” ฉันหมุนตัวไปทางอื่นไม่สนใจเขา
“งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน รอให้ผมเปิดเรียนเทอมหน้าก่อน แล้วผมจะพามันไปอเมริกาด้วย ในช่วงระยะเวลานี้จะไม่ให้ใครรู้เรื่องนี้เป็นอันขาด”
เออใช่ สีจิ่นยวนยังเป็นนักเรียนอยู่ไม่ใช่หรือ ตอนนี้ยังไม่ถึงช่วงปิดเทอมฤดูร้อนเลยนี่นา ทำไมเขาถึงไม่ไปโรงเรียนล่ะ?
“ทำไมคุณถึงไม่ไปโรงเรียน?”
“ผมป่วยครับ จึงพักการเรียนไป” เขามีท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจ
ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกใจอ่อนขึ้นมา “ป่วยเป็นอะไรเหรอ? ไม่สะดวกพูดก็ไม่เป็นไรนะ”
“โรคหัวใจครับ” เขาก้มหน้าลง ทำให้เส้นผมไปบดบังดวงตาอันงดงามของเขา
เห็นเขาสภาพเช่นนี้ ฉันก็ใจร้ายไม่ลง อีกอย่างเขายังใช้วาทศิลป์ในการเกลี้ยกล่อมฉันอย่างสุดความสามารถ “ขอร้องล่ะ เซียวเซิง พวกเราเอามันไปเลี้ยงเถอะนะ ผมสัญญาว่าจะไม่ให้ใครรู้ทั้งนั้น ให้มันนอนห้องคุณสลับกับห้องผมอย่างละคืน ดีไหมครับ?”
การได้เผชิญหน้ากับคำขอร้องอ้อนวอนจากหนุ่มหล่อเช่นนี้ ทำให้ฉันหมดปัญญาปฎิเสธไปโดยปริยาย ทำได้แค่พูดไปอย่างข้างๆคูๆ “ตกลงกันก่อนนะ ถ้ามันสร้างความวุ่นวายขึ้นมา ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องปล่อยมันไป อีกอย่างห้ามให้ใครรู้ทั้งนั้น”
“รับทราบครับ” เขาดีใจจนต้องกระโดดโลดเต้น พร้อมทั้งยกสุนัขตัวน้อยไว้เหนือศีรษะ “เย้ เซียวเซิง พวกเราไปซื้อของให้มันกัน คุณขับรถเป็นไหม?”
“ขับเป็น”
“งั้นผมไปหยิบกระเป๋าตังค์ที่ห้องก่อน คุณรอผมด้วยนะ”
สีจิ่นยวนยัดลูกสุนัขไว้ในอ้อมแขนฉัน จากนั้นก็วิ่งเข้าห้องไป
ฉันโดนเกลี้ยกล่อมไปแบบดื้อๆได้ยังไงกัน มิหนำซ้ำตอนนี้ยังต้องไปซื้อของให้ลูกหมาอีกต่างหาก พอกันที
สีจิ่นยวนสะพายเป้ใบหนึ่งออกมา แล้วยัดลูกหมาเข้าไปในกระเป๋า จากนั้นก็รูดซิบให้เหลือช่องว่างไว้ให้อากาศถ่ายเทนิดนึง แล้วพวกเขาทั้งคู่ก็ขับรถออกไป
ในซุปเปอร์มาร์เก็ตมีของใช้ให้เลือกได้อย่างครบครัน เรียกได้ว่ามีตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ
สีจิ่นยวนตั้งใจเลือกเป็นพิเศษ เขาเดินเลือกแชมพูสุนัขหลากหลายยี่ห้อตรงหน้า พร้อมกับไถ่ถามฉันอยู่ตลอด “เซียวเซิง คุณว่าพวกเราควรจะซื้อแบบมอยส์เจอไรเซอร์หรือแบบกำจัดแบคทีเรียดี?”
“ได้ทั้งนั้น”
“งั้นสู้เราซื้อไปทั้งสองแบบเลยดีไหม จะได้สับเปลี่ยนกันใช้”
“คุณก็ดูเอาแล้วกัน” จิตใจฉันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย เพราะเจ้าลูกหมามักจะโผล่หัวออกมาจากกระเป๋าทำหน้าแบ๊วใส่อยู่เนืองๆ
ฉันว่าสีจิ่นยวนเหมาะที่จะเป็นเจ้าของมันมากๆ ทั้งคนทั้งหมาล้วนแต่ก็หน้าหนาหน้าทนพอๆกัน
สุดท้ายเราก็ได้ซื้อของมาพะรุงพะรัง แค่อาหารหมาอย่างเดียวก็หลายยี่ห้อแล้ว
จิตใจของฉันกระวนกระวายไปหมด “เยอะแยะมากมายขนาดนี้จะเอาไปไว้ไหนล่ะทีนี้?”
“เอาไว้ที่ห้องผม” เขาทุบอกตัวเอง “เดี๋ยวผมจะเก็บไว้ในตู้ แม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดไม่กล้ารื้อตู้ของผมหรอก”
“ยังไงก็แล้วแต่ ถ้าเรื่องแดงขึ้นมาคุณจะต้องรับผิดชอบทุกอย่างนะ”
“วางใจเถอะ ผมไม่ขายคุณหรอก”
หลังจากเอาของใช้ของสุนัขกลับมาที่บ้านตระกูลสีอย่างพะรุงพะรัง พวกเราก็พามันไปอาบน้ำ
เดิมทีนึกว่ามันตัวสีเทา แต่พออาบน้ำเสร็จกลับพบว่ามันตัวสีขาว หลังจากที่เป่าจนแห้งก็เหมือนกับมาร์ชเมลโล่ น่ารักเอาซะมากๆเลย
ฉันอุ้มไว้ทำใจปล่อยมือไม่ได้ สีจิ่นยวนกอดอกชำเลืองสายตามองมาหาฉันพร้อมกับหัวเราะฮาฮา “ผู้หญิงอย่างคุณมองแค่รูปร่างภายนอกอย่างเดียวใช่ไหม ตอนนี้เห็นมันหน้าตาดีหน่อยก็ดันตกหลุมรักมันเข้าแล้วหรือ?”
ฉันไม่สนใจเขา เขาจึงเอ่ยขึ้นอีกรอบว่า “พวกเราตั้งชื่อให้มันเถอะ!”
แหงอยู่แล้วว่ามันต้องมีชื่อ ฉันครุ่นคิดประหนึ่งเดี๋ยวจึงเอ่ยขึ้น “เสว่ยฉิว เป็นไง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...