พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 6

ช่วงบ่ายร่างกายของฉันเพิ่งโดนรถไฟบดทับไปรอบหนึ่ง นี่ผ่านไปได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็มาอีกรอบแล้ว

กลีบดอกซากุระสีขาวร่วงหล่นลงบนแผ่นหลังของสีชิงชวน ฉันหยิบออกมาดมกลิ่นหนึ่งกลีบ มันช่างหอมเหลือเกิน ทันใดนั้นเขาก็หยุดการกระทำของตัวเองลง สองมือดันโต๊ะหินอ่อนเอาไว้แล้วมองมาที่ฉัน

“มันคืออะไร?”

“ดอกซากุระ”

“เอามาจากไหน?”

“บนหลังคุณ”

ทันใดนั้นเขาก็ดึงซากุระในมือกลีบนั้นมาวางลงบนกลีบปากของฉัน จากนั้นก็กดจูบลงมา ริมฝีปากของเขาที่ผนวกเข้ากับกลิ่นหอมของดอกซากุระนั้นทำให้ฉันรู้สึกว่าเขานี่ช่างช่ำชองจริงๆ

ระยะเวลาที่ซากุระออกดอกนั้นสั้นมาก แต่ระยะเวลาของสีชิงชวนนั้นช่างยาวนาน ฉันยอมรับว่าหลังจากนั้นฉันรู้สึกลุ่มหลงอยู่บ้าง ลืมความกังวลเรื่องที่ว่าอาจมีคนอื่นผ่านมาเห็นเข้า แล้วจะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไหม

กระทั่งซากุระหล่นร่วงลงเต็มแผ่นหลังของเขา เจ้าตัวถึงจบฉากรักอันยาวนานหวานชื่นนี้ลง จากนั้นเขาก็โยนเสื้อโค้ตของตัวเองมาให้ ฉันจึงห่อตัวเองเอาไว้ในนั้น

หลังจากสิ้นสุดเหตุการณ์นั้นลง เขาก็สวมเสื้อเชิ้ตแล้วจุดบุหรี่ขึ้นสูบ ปลายบุหรี่สว่างวาบและดับลงเป็นครั้งคราวในความมืดมิดของค่ำคืน

ทันใดนั้นเองฉันก็รู้สึกถึงความเศร้าอย่างหนึ่ง ความโศกเศร้าที่มาจากการที่ฉันถูกเขาทำอะไรแบบนั้นอย่างงงๆ ในสวน และยังรู้สึกถึงความเศร้าที่เขาถูกนอกใจ

เดาว่าในใจของสีชิงชวนคงคล้ายกับกระจกใสๆ มีคนเจนโลกอย่างเขาอยู่ จะโง่ขนาดนี้ได้ยังไง?

ฉันขยับร่างอันสั่นเทาที่ห่อตัวอยู่ในเสื้อโค้ตให้ลุกขึ้นจากโต๊ะหินอ่อนแล้วเคลื่อนตัวลงมาใส่รองเท้าส้นสูงของตัวเอง

ฉันมองเงาของเขาแล้วเอ่ยขึ้น “หรือว่าคุณเป็นไบเซ็กชวล?”

ตามที่ฉันวิเคราะห์ ปกติเกย์จะไม่สนใจผู้หญิง ที่เขายังมีใจสู้กับฉันอย่างเต็มเปี่ยมได้ขนาดนี้ คงไม่ใช่แค่ได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจเท่านั้นแน่ๆ

เขาทิ้งก้นบุหรี่ลงแล้วหันมาชำเลืองสายตามองฉัน “คุณนี่ช่างพูดคำพูดชวนทึ่งจริงๆ นะ”

ฉันพูดความจริงเหอะ เขายังไม่ยอมรับอีก มันเป็นแบบนั้นชัดๆ

เขาก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า ส่วนฉันเดินตามเขาอยู่ข้างหลัง “แม่คุณเล่นไพ่นกกระจอกอยู่กับสมาคมแม่บ้าน สภาพฉันแบบนี้คงไม่น่ามองสักเท่าไร”

เขาหยุดยืนนิ่งแล้วขมวดคิ้วมุ่น “คุณนี่น่ารำคาญจริงๆ”

ถ้าไม่ใช่เพราะเขา แล้วฉันจะอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไง? เขายังจะโทษฉันอีกเหรอเนี่ย?

เขาเดินกลับมาหยุดลงตรงหน้าฉัน และทันใดนั้นเขาก็ก้มตัวลงแล้วอุ้มฉันขึ้น

ฉันร้องออกมาอย่างตกใจ “คุณจะทำอะไร?”

“คุณก็คิดไปนั่น” เขายิ้มเย็น “คุณไม่ได้มีเสน่ห์ชวนหลงขนาดนั้น”

เขาอุ้มฉันเดินไปทางนอกสวน เพราะรูปร่างของเขาสูงเกินไปและฉันก็กลัวว่าเขาจะทิ้งตัวเองลงพื้น ฉันจึงรีบกอดคอเขาเอาไว้

บนร่างกายของเขามีกลิ่นบุหรี่จางๆ เมื่อกลิ่นของมันไม่ได้แรงขนาดนั้น ฉันก็กลับรู้สึกว่ามันไม่ได้เหม็นแล้ว

แปลกจริง ในระยะเวลาครึ่งปีที่ฉันแต่งงานกับสีชิงชวน และหลังจากที่ฉันได้รู้ความลับของเขาเข้า ระหว่างเราก็เกิดความใกล้ชิดขึ้นมาทันตา

ความจริงการที่เขามองข้ามฉันมาตลอดมันก็ดีเหมือนกัน ยังดีซะกว่าการถูกเขาทำอะไรแบบนั้นอย่างงงๆ ในสถานการณ์งงๆ แบบตอนนี้เยอะเลย

เขาอุ้มฉันเข้าไปในห้องโถง เหล่าสมาคมแม่บ้านที่เห็นว่าฉันถูกสีชิงชวนอุ้มอยู่ต่างก็พากันเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจและหมดความสนใจจากไพ่นกกระจอกลง

สีชิงชวนไม่แม้แต่จะทักทายพวกเขาเลยสักนิด เขาอุ้มฉันตรงขึ้นไปยังชั้นบนทันที โดยที่ฉันได้แต่ซุกหน้าเข้ากับเสื้อเชิ้ตของเขาและไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็รู้สึกได้เลยว่าหลังของตัวเองมันร้อนๆ อย่างไรชอบกล

สายตาของแม่ของสีชิงชวนนั้นเหมือนกับแสงรังสี เดาว่าหลังของฉันคงถูกเธอแผ่รังสีใส่จนทะลุไปหมดแล้ว

ฉันถูกเขาอุ้มเข้ามาในห้องแล้วโยนลงบนเตียงนอน

นี่เป็นห้องของเราสองคน แต่เขาแทบจะไม่เคยอยู่ในห้องนี้เลยเสียด้วยซ้ำ เพราะเขามักจะไปนอนที่ห้องอื่น

ฉันหยิบชุดนอนแล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปอาบน้ำ เมื่อฉันอาบเสร็จและออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าสีชิงชวนยังอยู่ในห้องของฉันเหมือนเดิมไม่ได้ไปไหน

ฉันยืนกำคอเสื้อชุดนอนอย่างหวาดหวั่นอยู่หน้าประตูห้องน้ำ โดยที่เขานั่งไขว้ขาทั้งสองข้างอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางหยิ่งยโส

โทรศัพท์ของฉันวางอยู่บนโต๊ะน้ำชา ซึ่งมันกำลังส่งเสียงของเฉียวอี้ออกมา

“เซียวเซิง ฉันกับเซินเราแลกเบอร์กับวีแชตกันแล้ว เรานัดเจอกันคืนพรุ่งนี้ เขาสนใจฉันมากเลยล่ะ แถมยังชมฉันด้วยว่าฉันสวยเหมือนผู้หญิง ฮ่าๆๆๆ พ่อหนุ่มคนนี้นี่น่ารักจริงๆ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)